จากกรณีพบศพ ด.ช.ไทเกอร์ อายุ 3 ขวบ เสียชีวิตปริศนาอยู่ในท้องนา ต.หนองน้ำใส อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปตรวจสอบพร้อมกับญาติ ซึ่งยืนยันว่าเป็นน้องไทเกอร์ ที่หายไปกับแม่ก่อนหน้านี้ ศพอยู่ในสภาพลอยอืดสวมใส่เสื้อสีแดง ไม่สวมกางเกง เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1-2 วัน โดยมีข้อสันนิษฐานว่าแม่จะเป็นผู้ทำร้ายจนเสียชีวิตหรือไม่นั้น (อ่าน :
พ่อเด็ก 3 ขวบทรุดลูกตายศพที่ 2 จมทุ่ง สงสัยเมียขี้เหล้าหลอนฆ่า อึ้งแก้ผ้าอ้างทะเลาะผัว)
วันที่ 19 ต.ค. 61 “รายการต่างคนต่างคิด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.50 น. ได้เชิญ นายบุญมี ศรีคง พ่อของน้องไทเกอร์ ญาติของน้องไทเกอร์ ได้แก่ น.ส.พรทิพย์ คล้ายอุดม ผู้เป็นอา นางน้ำค้าง หลิมสกุล ผู้เป็นป้า พ.ต.อ.ธีรวุฒิ แสงมณี ผู้กำกับ.สภ.ภาชี และนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เข้ามาร่วมพูดคุยในรายการ
นายบุญมี พ่อของน้องไทเกอร์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากงานพิธีสวดพระอภิธรรมศพของลูกชายว่า หลังพบศพลูก ตนถามภรรยาว่าเหตุใดลูกถึงตาย แต่ภรรยาบอกว่าไม่รู้ ไม่ได้พาตัวน้องไทเกอร์ออกจากบ้าน ส่วนเรื่องติดสุราหรือเป็นโรคจิตนั้น ภรรยาของตนเพียงดื่มสุราหนักไปเท่านั้น คิดว่าอาจมีเรื่องเครียดให้ต้องคิดมาก
แต่ช่วงหลายวันก่อนหน้านี้ ภรรยามีอาการแปลก ๆ ขึ้น คือ ดื่มสุรามากกว่าปกติ แต่หลังจากลูกหายไปภรรยาก็ไม่ได้ดื่มสุราอีกเลย อีกทั้งยังรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และบอกกับตนว่า รักลูก ไม่เคยคิดฆ่าลูก ซึ่งปกติแล้วภรรยาของตนจะไม่ทำร้ายน้องไทเกอร์รุนแรง มีเพียงการตีเพื่อเป็นการสั่งสอนบ้างเท่านั้น แต่ตนเคยได้ยินเพื่อนบ้านเล่าว่า ในระหว่างที่ตนไปทำงาน ก็เคยเห็นภรรยาของตนตีน้องไทเกอร์ด้วยเหมือนกัน
ส่วนกรณีการเสียชีวิตของลูกชายคนก่อน คือ น้องไตตั้น อายุ 4 เดือนนั้น ตนไม่รู้สึกติดใจอะไรกับภรรยาของตน เนื่องจากน้องไตตั้นเป็นเด็กที่ร่างกายไม่แข็งแรงมาตั้งแต่แรกแล้ว
ต่อมา
น.ส.พรทิพย์ อาของน้องไทเกอร์และผู้อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า นางรุ่งทิพย์มีอาการเสพติดสุราเป็นอย่างมาก เพราะพวกตนเห็นว่าดื่มสุราอยู่ตลอด 24 ชม. เว้นแต่ถ้าสามีกลับมาจากทำงานมาที่บ้าน ทั้งยังมีสุราติดกระเป๋า หรือติดประจำตามร้านค้า แต่ยืนยันว่านางรุ่งทิพย์ไม่ได้บ้าหรือสติไม่ดี เพราะก่อนจะออกจากบ้านไปก็สามารถคุยกันรู้เรื่อง
เหตุการณ์ในวันที่นางรุ่งทิพย์พาน้องไทเกอร์ออกจากบ้านไป (13 ต.ค.) คือ เวลาประมาณ 23.00 น. นางรุ่งทิพย์วิ่งแก้ผ้าออกมาจากห้อง บอกว่า สามีจะทำร้าย ทั้งที่สามีของนางรุ่งทิพย์ไม่อยู่ในห้อง จากนั้นไม่นาน ตนและญาติเห็นว่านางรุ่งทิพย์พาตัวลูกออกจากบ้านไป จึงได้ห้ามปรามและถามว่าจะไปไหน ได้คำตอบว่า จะไปสุรินทร์ จึงรีบโทรศัพท์บอกนายบุญมีให้มาช่วยปรามภรรยา แต่เมื่อนายบุญมีกลับมาก็พบว่า ไม่สามารถติดต่อนางรุ่งทิพย์ได้แล้ว
ทั้งนี้ ก่อนนางรุ่งทิพย์จะพาตัวน้องไทเกอร์ออกไป ยังพูดขู่ว่าจะฆ่าพวกตนอีกด้วย ว่า "จะฆ่าให้ตายทั้งโคตรเลย" เนื่องจากตนและนางน้ำค้างไม่ให้นางรุ่งทิพย์ดื่มสุรา
กระทั่ง นางรุ่งทิพย์นั่งจักรยานยนต์รับจ้างกลับบ้านมาในวันที่ 16 ต.ค. เวลาประมาณ 20.00 น. ขณะนั้นพวกตนกำลังนั่งประชุมพูดคุยเรื่องดังกล่าวกันอยู่ จากนั้นนางรุ่งทิพย์จึงออกหาลูกตามบ้านของคนในละแวกนั้น จากนั้นพวกตนจึงพานางรุ่งทิพย์ไปแจ้งความ แล้วพากลับมาที่บ้านเพื่อสอบถาม หลังนั่งพูดคุยจึงทราบว่า นางรุ่งทิพย์นั่งรถไฟไปที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ตนและญาติรวมถึงนางรุ่งทิพย์จึงรีบไปค้นหาตัวน้องไทเกอร์ทันที ซึ่งอีกเหตุผลหนึ่งที่ตัดสินใจออกไปค้นหา เนื่องจากโทรศัพท์สอบถามญาติที่สุรินทร์แล้วไม่พบตัวน้องไทเกอร์
จากนั้น
น.ส.พรทิพย์ กล่าวต่อว่าระหว่างค้นหาตัวน้องไทเกอร์ที่บริเวณเลียบทางรถไฟ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา นางรุ่งทิพย์หลุดคำพูดออกมาประมาณว่า "เดินเข้าไปในป่า...แต่ลูกติด" ประกอบกับมีคนให้การว่า เห็นนางรุ่งทิพย์เดินออกมาจากนาข้าว หน่วยค้นหาจึงไปค้นที่บริเวณดังกล่าว กระทั่งพบศพน้องไทเกอร์เสียชีวิต แต่ขณะนั้นนางรุ่งทิพย์ไม่เห็นศพของลูก เนื่องจากต้องไปให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สภ.ภาชี
หลังรู้ว่าลูกเสียชีวิต ตนไม่เห็นว่านางรุ่งทิพย์ร้องไห้หรือรู้สึกเศร้าสลดอะไร ทั้งสามารถกินข้าวดื่มน้ำได้อย่างสบายใจ และยืนยันว่านางรุ่งทิพย์สามารถพูดคุยได้ปกติ แต่หากพูดคุยถึงเรื่องน้องไทเกอร์ ก็จะมีอาการพูดไม่รู้เรื่องทันที
ส่วนเรื่องการเสียชีวิตลูกคนก่อน หรือน้องไตตั้น ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเช่นกัน ขณะนั้นนางรุ่งทิพย์มีอาการมึนเมาเดินเข้าห้องไป ตนให้เด็กที่ห้องพักไปเคาะประตูเรียกก็ไม่ตอบ สักพักจึงอุ้มลูกออกมาและบอกว่าลูกไม่หายใจแล้ว ส่วนนายบุญมีเพิ่งกลับจากทำงานและอาบน้ำเสร็จจึงรู้ว่าน้องไตตั้นหมดลมหายใจแล้ว
หลังจากได้ฟังเหตุการณ์ทั้งหมด
ทนายรัชพล แสดงความคิดเห็นว่า เรื่องอาการพูดจาวกวนของนางรุ่งทิพย์นั้น ตนมองว่าเป็นการปกปิดเพื่อป้องกันตัวของคนผิดเสียมากกว่า จริง ๆ แล้วนางรุ่งทิพย์อาจมีสติรู้ดีอยู่ก็เป็นได้ การกระทำดังกล่าวนี้มีผลกับการตั้งข้อหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะหากนางรุ่งทิพย์ฆ่าลูกชายโดยเจตนาแล้วให้การในลักษณะดังกล่าว จะทำให้ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาเปลี่ยนเป็นข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแทน ซึ่งมีโทษน้อยกว่า ส่วนเรื่องที่สังคมต้องการจะให้มีการรื้อคดีของลูกชายคนก่อนหรือน้องไตตั้นนั้น ตนเห็นว่าอาจควรรื้อคดี เนื่องจากเป็นกรณีศึกษาของสังคม
จากนั้น
พ.ต.อ.ธีรวุฒิ ผกก.สภ.ภาชี ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เพื่อรายงานความคืบหน้าของคดีดังกล่าว ว่า หลังสอบปากคำเพิ่มเติมนางรุ่งทิพย์ในวันนี้ (19 ต.ค.) พบว่านางรุ่งทิพย์พูดรู้เรื่องขึ้น สามารถลำดับเหตุการณ์ได้ทั้งหมด โดยให้การว่า ดื่มสุราขณะขึ้นรถไฟ และเกิดอาการหลอน คิดว่าจะมีคนมาทำร้าย จึงพาน้องไทเกอร์หลบลงที่สถานีรถไฟชุมทางบ้านภาชี และเดินตามทางรถไฟไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นเวลากลางคืน นางรุ่งทิพย์จึงได้พาลูกชายหลบเข้าไปในป่ากกซึ่งมีน้ำท่วงขังสูง จากนั้นจึงพลัดหลงกับลูกชาย และรออยู่แถวนั้น กระทั่งวันที่ 16 ต.ค. จึงตัดสินใจกลับบ้าน
ขณะนี้ออกอนุมัติหมายจับนางรุ่งทิพย์แล้ว โดยการแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย และประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนศพของน้องไทเกอร์อยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพที่ รพ.ธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ
ซึ่ง
นางน้ำค้าง ป้าของน้องไทเกอร์และผู้ดูแลห้องเช่า เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเรื่องกับทั้งน้องไตตั้นและน้องไทเกอร์ คนในชุมชนก็รู้สึกสงสัยในตัวของนางรุ่งทิพย์มาตลอด ขณะนี้คนในห้องแถวที่ตนดูแลอยู่จึงคิดว่าจะไม่ให้นางรุ่งทิพย์กลับมาอาศัยที่นี่อีกแล้ว และหากนายบุญประกันตัวภรรยาออกมาก็จะให้ย้ายออกไปทั้งคู่ ซึ่งคนในชุมชนเองก็บอกว่า หากนางรุ่งทิพย์ได้รับประกันตัวและมาอาศัยอยู่ที่บ้านเดิม ก็จะประท้วงกันอีกด้วย เนื่องจากทุกคนรู้จักนิสัยของนางรุ่งทิพย์เป็นอย่างดี
น้องไทเกอร์เป็นเด็กน่ารัก ร่าเริง ตนชอบให้ขนมกินอยู่บ่อย ๆ ไม่คิดว่าคนเป็นแม่จะทำกับลูกได้ขนาดนี้ และจากที่นางรุ่งทิพย์ขู่จะฆ่าพวกตนทั้งโคตรนั้น ตนไม่กลัวว่าจะมาฆ่าพวกตน แต่กลัวว่านางรุ่งทิพย์จะมาฆ่าเด็ก ๆ แถวบ้านพวกตนมากกว่า