กรณี น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ "แขก - คำผกา" นักเขียนและพิธีกรชื่อดัง ลงพื้นที่ไปถ่ายทำรายการ พร้อมกับ น.ส.จรรยา วงศ์สุรวัฒน์ หรือ โรซี่ พี่สาวของ จอห์น - วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ แต่กลับถูกเจ้าของร้านน้ำพริกแห่งหนึ่ง ถนนจักรพงษ์ ย่านบางลำภู เขตพระนคร กรุงเทพฯ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ ทั้ง ๆ ที่ได้รับอนุญาตและติดต่อไว้ล่วงหน้าแล้ว 1 เดือน จึงกลายเป็นคลิปวิดีโอที่กำลังติดเทรนทวิตเตอร์ และเป็นกระแสดราม่าบนโลกออนไลน์
ล่าสุดวันที่ 22 ก.ย.64 เวลา 14.00 น. แฟนเพจเฟซบุ๊ก ร้านน้ำพริกนิตยา ถนนจักรพงษ์ ย่านบางลำภู เขตพระนคร กรุงเทพฯ โพสต์ข้อความแจ้งว่า "ต้องขออภัยคุณลูกค้าที่ยังไม่ได้ตอบนะครับ ยังไงทางร้านจะทยอยตอบกลับไปให้ครบนะครับ ตอนนี้สินค้าหมดหลายอย่าง การจัดส่งทางการสั่งสินค้าออนไลน์เลยจะช้าหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ" โดยมีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์และแสดงความเห็นจำนวนมาก
ขณะที่เฟซบุ๊กของ แขก คำผกา โพสต์ภาพคำชี้แจงหลานของเจ้าของร้านน้ำพริกนิตยา ระบุว่า ถ้าสงบสติแล้วขออธิบายให้ฟังถึงเบื้องหลังนะคะ ว่าคุณป้านิตยาโดนกดดันมากว่าไม่ให้สัมภาษณ์ คุณป้าไม่เคยยุ่งเกี่ยวการเมือง ไม่มีแม้กระทั่ง facebook account ลองคิดดูสิคะว่าถ้าท่านซีเรียสกับการเมืองแล้วจะตกลงให้สัมภาษณ์ทำไม
คุณป้าเปิดบ้านที่เชียงใหม่ให้คนมานั่งสมาธิ และพักฟรีทานฟรีมา 20 กว่าปีแล้ว ไม่เคยถามถึงทางเลือกทางการเมือง ในคลิปนี้คุณป้าไม่ได้พูดนะคะว่าไม่ต้อนรับคนเสื้อแดง ถ้ารังเกียจแล้วจะจัดอาหารไว้รองรับทำไม ขอร้องอย่ากล่าวหาท่านผิด ๆ ท่านอาจแยกไม่ออกตามที่ได้ยินมาว่ารายการของคุณแขกเป็น lifestyle หรือ political ทีวีกันแน่ ซึ่งคุณป้าเห็นตามสมควรแล้วว่าควรทำตัวเป็นกลาง ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดแล้วกลายเป็นดราม่าของสังคม
น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ แขก คำผกา นักเขียนและพิธีกรชื่อดัง เปิดเผยว่า คนที่ทำงานสื่อคงจะเข้าใจธรรมชาติของการถ่ายรายการ ด้วยการไลฟ์สดออนโลเคชั่น หากถ่ายงานในสตูดิโอ คงจะจัดเพียงไฟเท่านั้น แต่รายการของตนเป็นการไลฟ์สด ทีมข่าวต้องประสานงานทั้งในและนอกสตูดิโอ นอกจากนี้ ต้องมีทีมประสานงาน การออกไปทำงาน ต้องมีคิวงานที่เป๊ะ ซึ่งประสานงานรายการได้ประสานงานล่วงหน้าไปที่ร้านแล้ว 1 เดือน และทุกวันอังคารจะทราบว่าต้องไปถ่ายทำที่ไหน
แต่ละสถานที่ที่ไปถ่ายทำนั้น ทีมงานได้ค้นหาข้อมูลและเป็นร้านที่ตนชอบและสนใจ ไม่ใช่ร้านที่ให้ไปรีวิว เพราะน้ำพริกนิตยา ก็เป็นน้ำพริกที่ตนชอบเมื่อ 7-8 ปี ที่ผ่านมา ตนได้ไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตนชอบน้ำพริกตาแดงของร้านนิตยามาก ๆ เพราะหวานน้อย เปรี้ยวมะขามเปียก แต่ก่อนการอาศัยอยู่ต่างประเทศ หากได้กินของไทยก็รู้สึกประทับใจแล้ว นอกจากนี้ พอหันมาทำอาหาร ซึ่งน้ำพริกมัสมั่นของร้านนิตยา ตนมองว่าลงตัวมาก ๆ กระทั่งได้เขียนลงในคอลัมน์
ภายหลังตนเสนอให้ทีมงานว่า ต้องไปถ่ายทำน้ำพริกนิตยา หากปลดล็อกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางทีมงานได้ติดต่อไป แต่ขณะนั้นทางร้านอ้างว่าต้องรอมาตรการคลายล็อก ของศบค.แล้วจะตอบกลับไป พอคลายล็อกเรียบร้อยแล้ว ทีมงานได้รับการติดต่อจากทางร้านว่า สามารถให้เข้าไปถ่ายทำรายการได้ ตนยอมรับว่าขณะนั้นดีใจมาก ๆ ทุกครั้งที่ไปทำรายการ ไม่ได้ขอสัมภาษณ์ทางเจ้าของร้าน เว้นแต่เจ้าของร้านไหนสะดวกที่จะออกมาให้สัมภาษณ์ ตนแค่อยากไปถ่าย ซึ่งตนอยากไปคุยเรื่อง SME เพราะเป็นสิ่งสำคัญของประเทศ
"ทีมงานแจ้งมาว่า คุณป้าพร้อมที่จะให้ข้อมูลเองเลย เพราะอยากจะเล่าถึงประวัติของร้าน และตอนที่คุยกันทางร้านก็อยากให้ช่วยโฆษณาเรื่องเทศกาลกินเจของทางร้านด้วย ซึ่งการที่เจ้าของร้านยอมให้ไปถ่ายรายการ ถือว่าต้องโอเคแล้ว นอกจากนี้ ทีมงานได้เดินทางไปที่ร้านนิตยาเรียบร้อยแล้ว และได้เร่งให้รีบไป เพราะทางร้านได้เตรียมอาหารเลี้ยงด้วย ซึ่งเราก็เกรงใจ จึงรีบเดินทางไป" น.ส.ลักขณา กล่าว
เมื่อไปถึงร้านนิตยา ขณะนั้นกำลังติดไวเลส ทีมงานได้มาบอกว่าให้สนทนากับคุณป้าเจ้าของร้านเสียงดัง เนื่องจากคุณป้าหูไม่ดี ไม่แน่ใจว่าดีหรือไม่ สักพักทีมงานได้มากระซิบด้วยสีหน้าเจื่อนว่าคุณป้าเจ้าของร้านน้ำพริกนิตยาไม่สะดวกให้ติดไวเลท ตนได้บอกว่าไม่เป็นอะไร พร้อมกับบอกว่าคุณป้ามีข้อกังวล กลัวว่าตนจะพูดเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ซึ่งทางทีมงานก็ไม่มั่นใจว่าตนและคุณโรซี่จะพูดหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วตนต้องพาดพิงเรื่องการเมือง แต่จะไม่พูดเกี่ยวกับสถาบัน ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่พูดในรายการอย่างแน่นอน
กระทั่งถึงเวลาเข้ารายการ ตนเดินเข้าไปในร้านลักษณะท่าทางที่ร่าเริง เห็นคุณป้าเจ้าของร้านน้ำพริกนิตยาสวมใส่ชุดไทยตนก็ชม ก่อนที่จะเข้าไปพูดคุยกับทางคุณป้า ซึ่งคุณป้าได้สอบถามว่าคนไหนคือแขก คำผกา ตนก็บอกว่าคนนี้ และคนนี้คือโรซี่ ยอมรับว่าคุณป้ายิ้มด้วยความสุภาพ พร้อมกับเอ่ยปากบอกว่า "ไม่เคยดูรายการของหนูมาก่อนเลย ป้าค้าขายกลับบ้านดึก เลยไม่รู้ว่ารายการเป็นรูปแบบไหน ขอให้ป้าไปดูรายการของหนูก่อน วันนี้ยังไม่สะดวกนะคะ"
หลังจากที่ตนได้ยินคำว่า "ไม่สะดวก" ตนจึงประมวลความคิดว่าเจ้าของร้านคงไม่ให้ถ่ายทำ ตนไม่เข้าใจจริง ๆ ทั้งที่ก่อนเข้าไปในร้านตอนติดไวเลสก็มีโอกาสที่จะมาปฏิเสธตนได้ แต่ทำไมคุณป้าไม่ทำ หรือคุณป้าเป็นคนมีมารยาทดี ต้องปฏิเสธตนด้วยตัวเอง ไม่อยากฝากคนอื่นบอก ซึ่งจุดนี้ตนไม่เข้าใจ หลังจากนั้นได้ประมวลผลเสร็จแล้วก็ขอตัวออกจากร้าน ทางคุณป้าก็ได้ชักชวนให้ทานอาหาร ตนได้ปฏิเสธและยอมรับว่า "ตอนที่พูดไม่กินค่ะ มีเงินซื้อ" ไม่ได้ผ่านกระบวนการคิดมาให้ดี และยอมไม่เป็นลูกค้า พร้อมกับเข้าใจแล้วว่า เป็นเพราะที่ตนเป็น "ควายแดง" เจ้าของร้านถึงไม่ยอมรับ โดยตนไม่ได้คิดไปเอง
นอกจากนี้ ทีมงานก็ได้ส่งคลิปรายการก่อน ๆ ไปให้ทางร้านดูแล้ว ว่ารายการโค้ชแขก เป็นอย่างไร แล้วทางเราไม่ได้เรียกร้องคุณป้าให้มาสัมภาษณ์ แต่ทางร้านเลือกให้คุณป้ามาเอง ส่วนเหตุผลที่ไม่ให้สัมภาษณ์ ตนไม่แน่ใจว่าโกรธหรือเปล่า แต่มันเป็นความงง ไม่ให้ถ่ายก็คือไม่ให้ถ่าย ทำไมต้องบอกว่าไม่สะดวก แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น ตนไม่ทราบเหตุผลจริง ๆ ว่าเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะตนเป็นควายแดง หรือเพราะว่าเหตุผลเพราะอะไร เพราะตนเป็นคนเชียงใหม่หรือไม่ หรือเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะเขาไม่ชอบคำผกา เพราะคำผกาเป็นควายแดง ส่วนเรื่องอารมณ์ ตนไม่เคยที่จะเก็บอารมณ์ ตนเป็นคนเปิดเผยอยู่แล้ว และส่วนตัวชัดเจนในการเป็นประชาธิปไตย
กรณีที่หลานของป้านิตยา ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ว่ามีคนกดดันไม่ให้สัมภาษณ์ ถ้ามีคนกดดันจริงก็ควรต้องรู้ก่อนที่ตนจะไปถึงร้าน เพราะทีมงานไปถึงก่อนล่วงหน้า 1 ชั่วโมง และไม่มีเหตุผลที่จะต้องกดดัน เพราะไปทำงาน ตั้งใจจะไปรีวิวร้าน นอกจากนี้ หลายคนมองว่าตนนั้นเรียกเจ้าของร้านออกไปตบกลางสี่แยก มองว่าใครกันแน่ที่ถูกเรียกออกไปตบกลางสีแยก ให้ดูที่เจตนา และการกระทำ
อย่างไรก็ตาม ถ้ากระแสจะตีกลับ แล้วร้านมียอดขายเพิ่มขึ้น มันก็คือเจตนารมณ์แรกที่ตนต้องการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหน ส่วนการทำรายการตนก็ยังจะดำเนินต่อไป ตนไม่กังวลว่าการมีแนวคิดทางการเมืองที่ไม่ตรงกัน จะไม่เป็นปัญหาในการทำงาน แต่โดยจริตของตนจะไม่ชอบคนปากหวานก้นเปรี้ยว หลังจากนี้ ตนสามารถพูดคุยกับทางเจ้าของร้านน้ำพริกนิตยาได้ หากจะเข้ามาพูดคุยกับตน