ถาม ขนาดวันที่เธอบอกว่าเธอไม่สุด แต่เธอก็ได้แชมป์มา และจากตรงนั้นนานไหมกว่าที่จะมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง
ทาทา ยัง : จากที่ได้แชมป์มาก็ 1 ปี ก็ไปแคสต์มิวสิกวีดีโอพี่มอส ปฏิภาณ เขาก็ถามว่าเรามีผลงานอะไรมาบ้าง ทาก็บอกว่ามีมันฝรั่งตัวนี้ มีถ่ายโฆษณาตัวนั้น แล้วก็ล่าสุดคือประกวดร้องเพลงค่ะ เขาก็บอกเราว่าร้องเพลงได้ ร้องเลย เราก็ร้องแล้วอยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งตัวสูงๆ มีหนวดเดินผ่านมาหลังกล้อง แล้วก็เดินกลับมาแล้วก็มายืนมอง แล้วเราก็ อุ้ย !! อาเต๋อ เรวัต แล้วอาเต๋อก็บอกว่าอายุเท่านี้ รู้จักอาด้วยเหรอ เราก็บอกว่าเพราะว่าคุณแม่เป็นแฟนคลับค่ะ อาเต๋อก็บอกให้เราร้องต่อ ร้องเพลงฝรั่งได้ไหม ร้องอันนั้นได้ไหม อันนี้ได้ไหม แล้วก็หันไปหาพี่คนหนึ่งในกลุ่มว่าเรียกเด็กคนนี้มาแคสต์ร้องเพลงได้ไหม อีกไม่กี่วันก็ได้ไปแคสต์ร้องเพลง ก็ได้ทั้งมิวสิกวีดีโอพี่มอส ได้เป็นทั้งนางเอก และได้เป็นทั้งนักร้องสมใจ
ถาม แล้วพอออกมาอัลบั้มแรก คนก็แต่งตัวตามกันทั้งเมืองเลย ต้องเรียกว่าประสบความสำเร็จแบบบ้าคลั่ง แบบถล่มทลาย ขายเทปได้ 3 เดือน ล้านตลับ แล้วในวันนั้นที่เราประสบความสำเร็จในวัยที่อายุเท่านั้น เป็นอย่างไร
ทาทา ยัง : ใช่ค่ะ ต้องบอกก่อนว่าจริงๆ แล้วมันโหดมากเลยนะพี่ฉอด พี่ฉอดน่าจะรู้ว่าทำงานกับพี่เต๋อ มันไม่ง่ายเลย อาเต๋อนี่คือเป็นคนที่ทำงานโหดมาก อย่าๆ เพี้ยนๆ ร้องใหม่ๆ เอาใหม่ๆ อย่างนี้มันได้ไหมลูก เอาใหม่ คือจำได้เลยว่าร้องเพลงพรุ่งนี้ไม่สาย ร้อง 7-8 ชั่วโมง แล้วก็ร้องไป ร้องไห้ไป คือมีบางเพลงที่ต้องกลับไปร้องใหม่อะค่ะ ด้วยความที่เราเป็นเด็กแล้วเหมือนอารมณ์มันพังไปแล้ว อย่างเพลง โอ๊ะ…โอ๊ย มันร้องแล้วต้องเห็นลูกโป่ง น้าโอม ชาตรี คงสุวรรณ เป็นคนคุมร้อง น้าโอมก็จะแบบเห็นลูกโป่งไหม เพราะเหมือนให้คนอื่นรู้สึกมีชีวิตชีวากับเพลงที่เราร้อง มีความแบบปาร์ตี้ เราก็ไม่เห็น เหนื่อยมาก ไม่เอาแล้ว จะกลับบ้าน อยากกลับบ้าน ถามว่าระหว่างทางเคยคิดล้มเลิกไหม พี่ ทาไม่เอาแล้ว หลายรอบมาก พอเราบอกว่าไม่เอาแล้ว ทุกคนก็แยกย้าย คุณแม่จะเป็นคนที่บิลด์ไม่ค่อยได้ เพราะแม่จะบอกว่าเห็นไหม ฉันบอกแล้วว่ามันไม่ใช่งานที่ง่าย เธออย่างนู้น เธออย่างนี้ อาเต๋อก็จะบอกว่าเดี๋ยวแม่ เดี๋ยวจัดการเอง แต่สุดท้ายออกมาก็สมกับคุณค่าของการเหนื่อย แล้วแฟนคลับก็ให้การต้อนรับเราอย่างดี การตอบรับก็ดีคือมันดีไปหมดค่ะ แล้วตัวของทาเองก็รู้สึกโชคดี
ถาม ความรักครั้งแรกของ ทาทา เริ่มต้นเมื่อไหร่
ทาทา ยัง : อายุ 18-19 ปีค่ะ ร้องเพลงไปแล้วค่ะ แล้วทาก็ไม่ได้ปิดด้วย ทาก็เปิดเผย เขาเป็นคนนอกวงการ ซึ่งพอเราอายุ 18 ปี ทาก็บอกทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และค่าย บอกทุกคนที่เรารู้สึกด้วย เพราะมีที่เรามีข้อถกเถียงกัน ทาคุยกันตลอดว่าพี่ ทารู้สึกแบบนี้ ทารู้สึกว่าทำไมทาต้องไม่พูด ก็มันเป็นความจริงแล้วให้ทาปิด แล้วให้ทาบอกว่าเป็นเพื่อนกันค่ะ คนดูไม่โง่ไหม ไม่รู้อะ ถ้าเกิดจะไม่ดัง ขอให้ไม่ดังที่หนูแล้วกัน เพราะว่าเลือกที่จะพูด ทาเลือกที่จะพูดแบบนี้ ทาเลือกที่จะบอกความจริงกับคน เพราะว่าทาก็เป็นคนที่เป็นเหมือนคนทั่วไปที่มีแฟน มีความรัก ก็อยากจะบอกคน อยากให้คนทราบว่าโอเคนะเราคบคนนี้อยู่ สถานภาพเป็นแบบนี้ๆ คือมันไม่มีอะไรเลยค่ะ มันเป็นแค่เรื่องของความจริงใจและเป็นความตรงไปตรงมาที่ทา เป็นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทาพูดแบบนี้ ผู้ใหญ่ทุกคนก็บอก ปล่อยมัน
ถาม คนที่เป็นแฟนเราตอนนั้นจะต้องรับมือกับหลายๆ สิ่ง เพราะว่างาน ทาทา ก็จะต้องเยอะมาก ไหนจะเรื่องของเวลาที่น้อย แล้วเราบริหารจัดการยังไงเอ่ย
ทาทา ยัง : บริหารไม่ได้ไงคะ ในที่สุดก็บริหารไม่ได้ คือบริหารไม่ได้และก็ยากสำหรับเขาด้วย เพราะว่าเขาไม่ได้อยากจะอยู่ในสปอตไลท์ ในที่สุดก็ต้องเลิกรากันไป เขาก็ไม่ไหว เขาก็เจอสื่อ กลายเป็นว่าเรตติ้งไม่ได้ตก แต่แฟนคลับไปถล่มเขาว่ามายุ่งกับคนของเราทำไม มีหมด มีทุกรูปแบบ และเขาก็ไม่ได้มารู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับเราเนอะ เขาก็แค่มาเป็นแฟนเรา คนที่รับมือกับสื่อไม่ได้ เขาก็รับไม่ไหว เขาก็อยู่ไม่ได้จริงๆ อกหักมากเลยค่ะ พี่ฉอด ไปทำอีกเรื่องคลับฟรายเดย์ได้เลยค่ะ แบบอกหักมาก รู้สึกว่าทำไมขนาดเราพูดความจริงแล้ว แล้วตอนบอกเป็นแฟนกันไม่เท่าไหร่หรอกค่ะพี่ ตอนบอกว่าเลิกกันนี่สิ ยากจัง ยากมาก แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็จะฉันบอกเธอแล้วใช่ไหม บางทีอย่าเพิ่งไปเปิดตัวมาก แต่วันที่เลิก เราก็ต้องพูดว่าเลิก จนทารู้สึกว่าครั้งนั้นเป็นครั้งที่ทารู้สึกว่าอย่างนี้ก็ไม่ดี เพราะเราเป็นคนบอกพ่อแม่เราเองว่าอย่างนี้ไม่ได้ การที่เราพูดคำว่าเลิกเนี่ย มันเป็นคำพูดแล้วบั่นทอน
ทาทา ยัง : แต่ว่าในที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะในความสัมพันธ์ไหนก็ตาม ทาจะบอกเลยว่า มันจะเป็นคำพูดภาษาอังกฤษที่ทาจะพูดเสมอว่า Pain will go away and time will heal คือความเจ็บปวดเนี่ย เดี๋ยวมันจะหายไป แล้วเวลาจะรักษาทุกอย่าง มันเป็นคำพูดของคุณพ่อที่พูดอยู่เสมอเวลา ทาเจ็บมากๆ พ่อบอกว่าไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเวลาจะรักษาความเจ็บปวดเอง พ่อจะพูดแบบนี้ ทาก็โอเค แต่คือมันจะมีคำถามอยู่แล้ว ยิ่งเราเป็นทาทานะ เราจะถามตัวเองด้วยซ้ำไปว่าทำอะไรผิด เป็น ทาทา ทำไมไม่อยากจะอยู่กับเรา มันเกิดอะไรขึ้น ไหนคุณบอกไม่ใช่เหรอว่ามันดี ทำไมมันเป็นอย่างนี้มันขัดแย้งกันค่ะ
ถาม เคยร้องเพลงของตัวเองเพลงไหนแล้วน้ำตาไหล รู้สึกว่ามันฉันจังเลย
ทาทา ยัง : เยอะค่ะ ร้องๆ อยู่ในห้องแล้วเราก็ปล่อยโฮออกมาเลยค่ะ แล้วแม่ก็จะเดินไปบอกพี่ๆ โปรดิวเซอร์ว่ามันเพิ่งอกหักมา ปล่อยมันไปแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวมันก็จะดี แล้วเราก็ร้องๆ แล้วบางทีร้องๆ อยู่ พี่เขาบอกว่าฮึดขึ้นมา ลุกขึ้นมาร้อง เราก็ลุกขึ้นมาร้อง แล้วมันก็ได้อย่างที่ได้ยินค่ะ
ถาม ถามเคยปาดน้ำตาแล้วขึ้นเวทีไหม
ทาทา ยัง : พี่ฉอดอันนี้สุดไปเลย เหมือนเพิ่งโดนบอกเลิกไปเมื่อประมาณ 6 ชั่วโมงที่แล้ว จำได้ว่าตอนนั้นเหมือนบอกคุณแม่ด้วยว่าจะไม่ไปเล่น เหมือนไปไม่ไหว แม่บอกว่าไม่ได้ แล้วทาบอกว่าไม่มีแรง แม่บอกว่าไม่ได้ ความรับผิดชอบก็ความรับผิดชอบ เรื่องส่วนตัวก็ต้องจัดการให้ได้ มีคนรอดูอยู่ คุณต้องขึ้นไป คุณต้องขึ้นไปทำให้ได้แล้ว ทาบอกแต่ทาไม่มีอารมณ์ จะให้ขึ้นไปยังไง หน้าก็เป็นอย่างนี้ แม่ก็บอกว่านี่ไง นี่คือความเป็นมืออาชีพที่คุณต้องทำให้ได้ เราต้องไปรับผิดชอบหน้าที่ของเรา แล้วจำได้เลยว่าขึ้นไปแล้วอยู่ดีๆ ร่างอะไรมาสิงไม่รู้ค่ะ แบบองค์ลง เราก็ปาดน้ำตาขึ้นไปร้อง ลงมาก็ร้องไห้ ลงมาผ่านคนดูมาแป๊บเดียว น้ำตาก็ไหลค่ะ
ถาม ทำไมชีวิตของซุปเปอร์สตาร์ถึงได้ดูหนักหนาแบบนี้ วันที่เราเห็นคนๆ หนึ่งบนเวที เรารู้สึกว่าดีจังเลย เขาร้องเพลงเพราะจังเลย แล้วทุกอย่างก็ผ่านไป ปิดไฟแต่ใครจะรู้ว่าเราตรงนั้นเราต้องแบกทั้งความเป็นชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง
ทาทา ยัง : ต้องกลืนความรู้สึก กลืนน้ำตา กลืนอะไรหลายๆ อย่างเยอะแยะมากมาย
ถาม และอีกความฝันของทาทาคือการได้เป็นคุณแม่
ทาทา ยัง : ทามีความสุขกับการที่ทาขึ้นคอนเสิร์ต แล้วพอทาเห็นลูกแล้วลูกเราแบบ..แม่เก่งจังเลย เพราะว่าลูกคือความใฝ่ฝันของทาเลย ตลอดเวลาเราเกิดมาเป็นผู้หญิง อยากรู้ว่าการที่มีลูกเป็นอย่างไร อยากมีลูก อยากรู้ ตอนแรกทาพีคมากพีคจนอยากจะรู้เลยว่าตอนคลอดลูกเป็นอย่างไร แต่ทามากังวลมากตอน 7 เดือนไง ตอนแรกอยากจะคลอดธรรมชาติเป็นผู้หญิงมันต้องทำได้สิแล้ว อยู่ดีๆ 7 เดือน ทาเริ่มคิดในใจว่าเนี่ยจะออกมาจากตัวเราแล้ว เกิดแบบว่าน้ำเดินแล้วอยู่ตรงนี้ แล้วมาโรงพยาบาล ซึ่งมันไม่ใช่หรอก เราคิดเยอะไปมาก บวกกับฮอร์โมน บวกกับอะไรก็ตาม จำได้ว่าร้องไห้หนักมาก แล้วจนในที่สุด คุณหมอและคุณหมอที่โรงพยาบาลต้องมานั่งบอกว่าเอาอย่างนี้ ให้ลูกออกมาปลอดภัยแล้วเราสบายใจที่สุด เพราะว่าคุณหมอเขาก็ถามว่าอะไรที่ทำให้ทาคิดว่าถ้าเกิดทาไม่ได้คลอดธรรมชาติ มันจะเกิดอะไรขึ้นเหรอ ทาบอกว่าทากลัวที่จะเป็นแม่ที่ไม่ดี ถ้าไม่คลอดเขาออกมาแบบธรรมชาติ เพราะว่าการคลอดธรรมชาติ ทาคิดว่ามันดีที่สุดแล้ว แล้วคุณหมอเขาก็บอกว่าคุณยังมีเวลาอีกทั้งชีวิตที่จะเป็นแม่ สำหรับเขา จุดนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ฉะนั้นเอาเขาออกมาแบบปลอดภัย เราก็แบบจริง โอเคจบผ่าค่ะ (หัวเราะ) แต่ว่าถ้าเกิดมีน้องได้อีกคนหนึ่งนะคะ จะพยายามคลอดเองตามธรรมชาติ
ถาม เดี๋ยวก่อน ครั้งแรกผ่าแล้ว ครั้งที่ 2 ก็ต้องผ่าไม่ใช่เหรอ
ทาทา ยัง : ถ้าเกิดมันห่างนานได้ค่ะ แต่ก็ต้องไปดูอีกครั้งว่าได้หรือไม่ได้
ถาม แปลว่าคิดว่าจะมีอีก เป็นไปได้ ไม่ได้ปิดโอกาสนี้
ทาทา ยัง : พี่อั๋นน่าจะเข้าใจเนอะ เพราะว่าไม่รู้สิ ทารู้สึกว่าทามีความสุขมากเลย ทามีเร ทาก็มีความสุข เขาเป็นพลังชีวิตที่ดีมากสำหรับทา แล้วเรก็ไม่ได้อยากมีน้องนะคะ ทาถามว่าอยากมีน้องไหม ไม่ ผมแฮปปี้มากแล้ว แต่พอทาเห็นลูกพี่อั๋น เห็นน้องพีท หรือว่าเห็นลูกคนอื่นๆ เราก็จะรู้สึกว่าเราคิดถึงโมเมนต์ที่เขาตัวเล็กๆ เราอยากให้กลับไปเป็นแบบนั้น แต่บางทีก็นึกในใจว่าหยุดไว้แค่นี้ เพราะว่าที่เคยคิดไว้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ พอลงงานกับการเป็นพ่อเป็นแม่แล้ว ไม่ง่ายเลย ไหนจะค่าเรียน ไหนจะความดื้อ ไหนจะเรื่องนู้นเรื่องนี้ พอลงงานจริงๆ ไม่ใช่เลย แต่ก็คือทาพูดไว้ เพราะว่าทาไม่รู้ว่าถ้าวันหนึ่งสมมติทามีพาร์ตเนอร์ขึ้นมา ถ้าเขาอยากมี ทาก็ไม่อยากปิดตรงนี้
สามารถชมคลิปย้อนหลังได้ทางยูทูบ :
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทาทา ยัง จิตตกคิดถึงลูก ไม่อยากเล่นโซเซียล เมื่อไหร่จะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติ
- เขียนไปร้องไห้ไป "ทาทา ยัง" โพสต์ถึง "น้องเร" การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ไม่ง่ายแต่ลูกทำได้
Advertisement