นับเป็นอีกหนึ่งสาวเก่งและแกร่งรอบด้านจริงๆ สำหรับ พั้นช์ วรกาญจน์ ที่มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ได้เปิดแบบหมดเปลือกทุกเรื่องราวของชีวิตในเรื่องราวของชีวิตคู่ที่ต้องจบลงด้วยสาเหตุของทัศนคติและวิธีการใช้ชีวิต พร้อมกับเผยถึงความรักของผู้ชายคนหนึ่งที่ยังรอคอย และ เปิดความรู้สึกของคุณแม่ที่ภูมิใจที่สุดในตัวลูกสาวคนนี้
พั้นช์ วรกาญจน์ : ไม่โกรธนะคะ เหมือนทุกวันนี้เขาก็ยังรอคอย แต่ถ้าถามว่า ณ ตอนนี้เขายังโสดหรือเปล่า พั้นช์ ไม่แน่ใจนะคะ อาจจะไม่โสดก็ได้แต่ว่ายังไม่ได้แต่งงานค่ะ
พั้นช์ วรกาญจน์ : เพราะเขาคุยกับแม่นานๆ ทีค่ะ เขาจะส่งมาสวัสดีทักทายกับแม่นะคะ แต่ไม่เคยมาอะไรกับ พั้นช์ ไม่เคยทักมาหา พั้นช์ ใดๆ ทั้งสิ้นเลยค่ะ
พั้นช์ วรกาญจน์ : ก็พอเดาได้ค่ะ (ยิ้ม)
พั้นช์ วรกาญจน์ : พี่กุ้ง คือ ไปรายการไหนๆ จะมีพี่ๆ พิธีกรเขาจะถามใช่ไหมคะ ว่าเขาชื่นชอบใคร พั้นช์ ก็ต้องขอขอบคุณ พี่กุ้ง มากๆ เลยค่ะ คือพี่กุ้ง ปลาบปลื้มมาตั้งนานแล้วค่ะ แล้วก็แบบคอยติดตามผลงาน พั้นช์ มาตลอดแล้วก็มีการทักคุยกันในอินสตาแกรม เขาก็จะทักมาว่าสบายดีไหมครับ ให้กำลังใจ พั้นช์
พั้นช์ วรกาญจน์ : ของ พั้นช์ ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆค่ะ อย่าง พั้นช์ ชอบละครเรื่องนี้ เราก็จะชอบนักแสดงคนนี้ อย่าง โป๊ป ที่แสดงละคร บุพเพสันนิวาส แล้วอย่างสมัยก่อน พั้นช์ ก็จะชอบ พี่ชาคริต พี่แอนดริว
พั้นช์ วรกาญจน์ : ก็มีบ้างค่ะ หมายถึงว่า ผู้ชายที่เราอยากให้เข้ามาในชีวิตเราอย่างน้อยก็คือ ต้องไม่ดื่มหนักเพราะที่แม่เลิกกับพ่อก็คือ เพราะคุณพ่อดื่มเยอะจนถึงขนาดที่ว่าครอบครัวเสียทุกอย่างเลย คุณแม่ต้องประคับประคองอยู่คนเดียวมันก็หนัก เราเลยรู้สึกว่าผู้ชายที่จะเข้ามาต้องไม่เป็นแบบนี้นะ
พั้นช์ วรกาญจน์ : อกหักแบบโดนเทอย่างนี้ยังไม่เคยค่ะ แต่ว่าลักษณะแบบจับได้อะไรอย่างนี้ หรือแบบว่าโดนนอกใจมีบ้างค่ะ มันก็เหมือนจะอกหักแล้วเนอะคะ แต่มันยังไม่ได้แบบหายขาดจากกันไปมันก็ยังกลับมาเหมือนเดิม
พั้นช์ วรกาญจน์ : ก็มีบ้างค่ะ
พั้นช์ วรกาญจน์ : (หัวเราะ) พี่เขาปลื้ม พี่เขาปลื้มค่ะ
พั้นช์ วรกาญจน์ : คือด้วยความที่ พั้นช์ แบบที่ตัดสินใจเลิกมันก็เป็นแบบเราทำงานของเรามาตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็เหมือนกับเราทำมาตลอดจนถึงการแต่งงานเราก็ยังทำงานของเราอยู่แล้วก็เหมือนกับเราเป็นหัวหน้าครอบครัวด้วยในส่วนหนึ่งเราก็เลยอยากได้คนที่เป็นหัวหน้าเรา
พั้นช์ วรกาญจน์ : คือเวลาที่ พั้นช์ แบบมีแฟน พั้นช์ ก็จะเป็นผู้หญิงๆเหมือนกันนะคะ คือเราก็จะมีโมเมนต์มุ้งมิ้งออดอ้อนเรามีโมเมนต์นั้นก็ประมาณหนึ่งเหมือนกันค่ะ แต่บางทีจุดหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเราต้องดูแลทุกๆ อย่างคนเดียว บางทีเราก็รู้สึกว่าถ้าไม่มีเหมือนมีกับไม่มีมันรู้สึกว่ามันไม่ต่างกันเลยค่ะ มีกับไม่มีเขามันกลายเป็นว่ารู้สึกไม่ต่างกันเพราะว่าเราเป็นเหมือนจะบอกว่าเป็นผู้นำมาโดยตลอดมันก็ได้
พั้นช์ วรกาญจน์ : แต่งมา 4 ปีแล้วค่ะ คือ แต่งมา 4 ปี แต่คบมา 8 ปีค่ะ ถ้ารวมทั้งหมดก็ประมาณ 12 ปีค่ะ มันคือนานมากนะคะ แล้วมันก็เป็นแบบมันก็เป็นการสะสมด้วยอย่างหนึ่งในหลายๆ เรื่องพอมาถึงจุดหนึ่งเรารู้สึกว่า เราอยากให้เขาไปทำอะไรที่มันอาจจะไม่ได้ทำเพื่อเรา แต่เพื่อตัวเขาเองบ้างดีกว่า
พั้นช์ วรกาญจน์ : ใช่ค่ะ เป็นคนพูดเองก็คือพอเราพูดเขาก็เหมือนกลับมาย้อนคิดที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง และ เขาบกพร่องตรงไหนบ้าง เขาก็เพิ่งคิดได้ว่าเขาผิดตรงนี้ๆ เขาก็มาขอโทษว่าแบบขอโทษที่เป็นแบบนี้ทำอย่างนี้ๆ คือเขาสำนึกแล้วนะ รู้สึกแล้วนะแต่เราก็คิดว่าเฮ้ย!! ทำไมไม่รู้สึกให้มันเร็วกว่านี้หน่อยค่ะ
พั้นช์ วรกาญจน์ : ก็มีค่อยๆ รู้มาตลอด ค่อยๆ ซึมๆ แต่เขาก็ยังทำปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือเราบอกไม่ชัดเกินไปหรือเปล่า เขาไม่เข้าใจหรือเปล่าใช่เราบอกไม่จริงจังเราไม่กระตือรือร้นพูดง่ายๆ บอกแล้วก็ผ่านๆ อะไรอย่างนี้ แต่ว่าครั้งนี้คือค่อนข้างจริงจังมากแล้วจริงจังกันทั้งบ้านเขาก็เลยรู้สึกตัวจริงๆ ว่าเฮ้ย!! ควรจะต้องเปลี่ยนแปลงและทำอะไรบ้างแล้ว แต่มันก็ไม่ทันแล้วหลักๆ คือ ทัศนคติในการใช้ชีวิตในการคิดคือ พั้นช์ เป็นคนที่ดูแลครอบครัวคือทุกอย่างเลย พั้นช์ ก็จะมีความคิดของ พั้นช์ เป็นอีกแบบหนึ่งแต่ของเขาก็เป็นอีกแบบหนึ่งมันก็เลยกลายเป็นว่าไม่ตรงกัน
พั้นช์ วรกาญจน์ : ใช่ค่ะ รับรู้ทุกอย่าง
พั้นช์ วรกาญจน์ : คอยอยู่เคียงข้างมากกว่าค่ะ ให้เราตัดสินใจทั้งหมด แล้วท่าคอยให้กำลังใจเราให้เราไม่เครียดมากกว่าค่ะ เพราะเขาค่อนข้างเคารพการตัดสินใจเราพอสมควรค่ะ
ถาม ไหนๆก็พูดถึงคุณแม่เยอะขนาดนี้แล้ว วันนี้คุณแม่ก็ได้มาเปิดความในใจมาบอกลูกสาวด้วย
VTR คุณแม่พั้นช์ วรกาญจน์ : ต้องตัวติดกันนะเวลาลูกร้องเพลงก็ต้องอยู่แต่งตัวให้ลูกติดกันเหมือนกับดูแลซึ่งกันและกันเวลานอนมีแม่ไปด้วยเขาก็จะอุ่นใจ ส่วนเรื่องหัวใจความรักเป็นเรื่องละเอียดอ่อนของคนสองคน คนเป็นแม่ก็ต้องอยู่เคียงข้างลูกเพื่อให้ลูกผ่านตรงนั้นไปได้ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ลูก ขอให้ลูกได้ผ่านช่วงนั้นไปได้และขอให้ลูกพบเจอแต่สิ่งที่ดีๆเข้ามา ภูมิใจในตัวลูกทุกอย่างค่ะ เกิดมาก็ทำให้ชีวิตที่สุขสบายขึ้น เพราะว่าลูกทำให้ได้มายืนอยู่จุดนี้ก็คือความสุขอ่ะค่ะ อยากจะบอกว่าลูกของแม่คือผู้หญิงที่เก่งที่สุด อยากให้ลูกรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่กันไปนานๆจริงๆแล้วก็บอกรักเราก็บอกรักกันทุกวันอย่างไรก็รักกันตลอดไป
พั้นช์ วรกาญจน์ : อยากจะบอกคุณแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง พั้นช์ โอเค พั้นช์ สบายดีก็อยากจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทุกอย่างที่ พั้นช์ ทำก็เพื่อครอบครัวอยู่แล้ว และก็ไม่เคยทำอะไรให้คุณแม่รู้สึกว่าต้องกังวลหรือความเครียดอะไรเกี่ยวกับ พั้นช์ เลยทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น พั้นช์ ก็อยากให้คุณแม่ดูแลสุขภาพให้ดีเพราะถ้าเราแข็งแรงเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกหลายๆที่
พั้นช์ วรกาญจน์ : ถ้าเกิดว่ารักครั้งต่อไปเราจะต้องดูอย่างไร ถ้าเกิดมีปัญหาเกิดขึ้นเราควรจะคุยกันไหมหรือว่าเราควรจะให้มันเป็นแบบนี้
พี่ฉอด : เรื่องของความรักมันไม่มีหลักสูตรว่า 12345 แล้วจะประสบความสำเร็จ
พั้นช์ วรกาญจน์ : กับการที่เราไม่พูดมันดีไหมคะ
พี่ฉอด : พี่ว่ามันอยู่ที่คนนะ ก็ยังต้องบอกว่าแล้วเรารักกับใครด้วย เหมือนแบบต้องใช้ชีวิตไปตามธรรมชาติในส่วนของพี่นะคะพี่รู้สึกพูดแล้วเขาฟังไหม เขาเปิดใจหรือเปล่าแล้วเขาแก้ไขไหมด้วยนะ มันไม่ได้หมายความพูดหรือไม่พูด บางคนพูดแทบตายเขาก็ไม่ฟังไม่ทำ ความจริงก็คือเจอใครรักกับคนนั้นและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ แก้ปัญหาไปตามธรรมชาติพี่รู้อย่างนั้นนะคะ เพราะในที่สุดเราจะกะเกณฑ์อะไรไม่ได้เพราะแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- มีกับไม่มี ไม่ต่างกัน! พั้นช์ วรกาญจน์ เปิดใจเหตุยุติชีวิตคู่ 4 ปี บอกเลิกสามีเอง
Advertisement