พิธีกรชื่อดัง “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” ประกาศจัดงานแต่งงานกับ “โอ๊ต อัครพล” 7 วัน 7 ธีม หลังกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านสภาฯ ซึ่งเมื่อ 10 ปีก่อนได้จัดงานแต่งแบบเงียบๆ ไปแล้ว
โดยล่าสุด “วู้ดดี้” เผยความรู้สึกว่า "รอคอยมา 10 ปี ก็คอยนับถอยหลัง รู้สึกว่ามันมีหลายครั้งที่เราอยู่เบื้องหลัง และเราก็ไม่ได้มีโอกาสเล่าให้คนฟัง เพราะมันไม่ได้เป็นสิ่งที่เหมาะสมมาก แต่หลายๆ ครั้งที่ผู้ใหญ่เขาเรียกเข้าไป และถามว่าต้องการกฎหมายนี้จริงเหรอ มันจะช่วยเหลืออะไรบ้าง LGBTQ ต้องการกฎหมายนี้เพื่ออะไร"
"ก็ต้องไปอธิบายให้ผู้ใหญ่เขาฟังว่ามันเป็นยังไง ก็คือทุกสมัยที่ผ่านมาเหมือนกับเขามองว่าในวงการเราเป็น LGBTQ เขาก็เรียกเราไปอธิบาย ก็นึกภาพว่า 10 ปีที่ผ่านมาทุกภาคส่วนช่วยเหลือกันมากเลยเพื่อจะให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เราเห็นว่ามีหลายพรรค มีรัฐมนตรี มีนายกหลายคนก็จะผลักดันแต่ก็ตกทุกครั้ง"
"แต่ว่า 3 ปีที่ผ่านมาผมและเพื่อนๆ ก็เฝ้าดูลูกของเรา คือเราเลี้ยงมาค่อยๆ ประคับประคองและศึกษาเรื่อยๆ ว่ามันติดตรงไหนอะไรยังไง ก็โชคดีมากเลยว่าเมื่อตอนได้มีโอกาสสัมภาษณ์นายกเศรษฐา ก่อนที่ท่านจะได้รับตำแหน่ง ก็ท้าเลยว่าถ้าได้เป็นนายกขึ้นมาเรื่องสมรสเท่าเทียมจะให้ผ่านไหม ท่านก็อึ้งไปนิดหนึ่งนะ แล้วก็บอกว่าโอเค จะทำเป็นเรื่องแรกๆ เลย ก็ปรากฎว่าทำจริง และมันเกิดขึ้นจริงเมื่อวาน ก็รู้สึกดีใจมากที่ทุกคน ทุกฝ่าย ทุกพรรค เพราะมีความเกี่ยวข้องหมดเลย นี่ไม่ใช่เป็นกฎหมายของคนๆ เดียวที่ทำให้มันเกิดขึ้น แต่เป็นของทุกคนที่รวมพลังกันมา 10 กว่าปีที่ผลักดันให้มันมีกฎหมายฉบับนี้"
"พอเขาประกาศ ผมเปิดดูในโซเชียล เราก็นั่งอึ้งไป 1 นาที คือมันผ่านแล้วเหรอ เสร็จแล้วเหรอ เพราะหลังจากสว. คือในหลวงท่านก็จะทรงลงพระปรมาภิไธย หลังจากนั้นอีกกี่เดือนก็ว่ากันไป มันก็จะกลายเป็นกฎหมาย เราก็รู้สึก แต่งงานได้แล้ว ดีใจมาก"
"เรื่องแพลนจัดงานแต่งงาน ก่อนหน้านี้ก็ยอมรับตรงๆ ว่าเชื่อมั่นในกฎหมายนี้ว่าจะผ่านมาก ก็เลยโทรไปจองโรมแรง จองฮอลล์ ในหัวคิดงานแต่งงาน 2 แบบ แต่จะรับแขกได้แค่ 200 คน จะจัดที่โรงแรมที่วู้ดดี้เคยเจอกับโอ๊ต อีกวันก็จะเป็นที่พารากอน ฮอลล์ ก็ตื่นเต้นมาก ที่มันใหญ่มาก ยังไม่รู้จะชวนกี่คนหรือทำอะไร เราอยากได้พื้นที่ไว้ก่อน อยากได้งานแต่งงานที่ไม่เหมือนใคร อาจจะให้เสียบัตรค่าเข้า จ้างดีเจระดับโลกมา แขกซื้อบัตรละคน 3-4 พัน หรือ จัดเป็นธีมทั้งเดือน"
"คือแพลนเรื่อยๆ เลย แต่แฟนผมจะไม่คุยเลยเรื่องนี้ มันยังไม่ผ่านอย่าเพิ่งคุย เพราะว่าเมื่อปี 2014 เราแต่งกันลับๆ กับเพื่อน 10 คน ให้กาละแมร์เป็นพิธีกร ตอนนั้นเราเก็บเป็นข่าวเงียบ ไม่เผยแพร่ภาพ จนกระทั่งภาพหลุดก็เลยต้องเปิดข่าว"
"ทุกคนบอกว่า งานแต่งงานในฝันเป็นแบบไหน มันเกิดขึ้นแล้วปี 2014 กับหมู่เพื่อนที่ภูเก็ต มันจบไปแล้ว แต่ครั้งนี้เราจะแต่งเพื่อทุกคนในสังคม เราจะแต่งให้เห็นว่า เราก็เป็นเหมือนทุกๆ คนนะ"
"ตั้งแต่เขามีการปรับเปลี่ยนรัฐบาลก็ได้สัญญามาว่ากฎหมายนี้น่าจะถูกดันให้ผ่าน เราก็เลยคิดเลยว่าเดี๋ยวจะฮันนีมูนที่ไหน คิดไปไกลมากเลย แต่ก็คิดไว้แล้วว่าแต่งแบบไหนคอนเซปต์เป็นยังไง ชุดจะเป็นยังไง อาหารยังไง ผมคิดเองหมดเลย เวดดิ้งแพลนเนอร์เอง ส่วนโอ๊ตไม่ทำอะไรเลย ไม่ดู ไม่สนใจ แต่ก็มาถามว่าแล้วไม่ถามเขาเลยเหรอว่าเขาจะเอาหรือไม่เอา เราก็บอกว่าก็ยูไม่พูดนี่ ยูก็ไม่มีสิทธิจะมานั่งเถียงแล้ว"
"เรื่องจดทะเบียน คาดว่าจะได้มีโอกาสจดทะเบียนน่าจะเป็นช่วงคริสมาสต์ ก็เป็นสิ่งที่ล่าสุดอัปเดตมา ถ้าจดคริสมาสต์ก็แปลว่า จากเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะแต่งสิ้นเดือนพฤศจิกายนเพราะเป็นเดือนวันเกิด ก็เลยจะมูฟไปเป็นต้นปีหน้า"
"นี่ยังไม่ได้บอกโอ๊ตด้วยนะ รู้สึกวันศุกร์-เสาร์ จะเป็นวันที่ 10 มกราคม ถ้าจำไม่ผิดนะ แต่ว่าโรงแรมสถานที่เราล็อกไว้แล้ว ก็ไม่ห่วงแล้ว รู้มั้ยว่าตั้งแต่เขาประกาศออก ทุกโรงแรมเกย์จองแต่งกันทั้งนั้นเลยนะครับ ซึ่งเราเป็นคู่ที่ 25 มีชายชาย หญิงหญิง ชายหญิง เยอะมาก ตกใจมากกว่ากฎหมายนี้ออกมาแล้วจะมีคนออกมาแต่งงานเยอะมากๆ และเราก็รู้สึกว่าโชคดีที่เราจองก่อนไม่งั้นเราจะไม่ทันแน่นอน"
"ถามว่าเป็นงานช้างเลยไหม ไม่อยากจะบอกว่าเป็นงานแต่งแห่งปี แต่งานผมก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้วอ่ะ ใช่มะ"
"คนถามว่าจัดแบบ S2O เลยไหม ผมไม่อยากให้เวอร์เกินไป อยากให้ทุกคนประทับใจ เรามีเพื่อนในวงการเยอะ อยากให้ทุกคนมาร่วมงานมีความสุข อิ่ม อาหารต้องอร่อย เอนเตอร์เทนให้ถึง ปาร์ตี้ยันเช้า
"เรื่องงบก็เอาเงินที่เก็บในรอบ 20 ปีเทหมดเลย เรามีบัญชีสำรองที่ชอบเก็บเงินไว้ คิดว่าจะเอามาใช้หมดเลย"
"ถามว่าเกิน 100 ล้านไหม ทำไมถึงพูดตัวเลขนั้น ใครบอก ไปคุยกับใคร (หัวเราะ) ไม่ขอคุยตัวเลขดีกว่า ขอเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนจะได้มีโอกาสสัมผัสอย่างแฮปปี้แน่นอน ไม่อยากให้มองเป็นตัวเลขว่าลงทุนเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเราทุ่มจริงๆ ตั้งแต่ทำโปรเจกต์มา ทำรายการมา อันนี้น่าจะแพงที่สุดแล้ว แต่มันคุ้มอ่ะ"
"เราทำให้ทุกคนมีความสุข ผมกับโอ๊ตเป็นคู่ชีวิตกันแล้ว แต่ทำยังไงให้คนมางานแล้วรู้สึกว่าเราเป็นตัวแทนของ LGBTQ มากกว่า เป็นสัญลักษณ์มากกว่า แล้วให้ทุกคนมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาผ่านการโชว์ที่เราจะจัด มันเหมือนเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ก็ต้องใช้เงินมากพอสมควร"
"งานแต่งก็คงมีประมาณ 10 ชุด จริงๆ ไม่อยากพูดเลย ผมบอกแค่ 2 วัน แต่จริงๆ จะจัด 7 วัน ทุกคนบอกว่าให้ทำเหมือนอินเดียเลย แต่ 7 วันจะเป็น 7 ธีม แต่คิดว่าจะเป็น 2 งานใหญ่ที่ออกสื่อ"
Advertisement