กลายเป็นคุณพ่อลูกสองเนื้อหอมขึ้นมาทันที หลังจากรับบท ดร.ล่องชาด หนุ่มสุภาพบุรุษแสนอบอุ่น ฉลาด และน่าหลงใหล ในละคร เพลิงนาง สำหรับ "ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล" ที่มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ เจ้าตัวได้เอ่ยขอบคุณแฟนละครที่ให้การตอบรับกับบทนี้ที่ตัวเองเล่นเป็นอย่างดี เผยเป็นการร่วมงานในด้านการแสดงกับ "พลอย เฌอมาลย์" เป็นครั้งแรกอีกด้วย ส่วนที่หลายคนเห็นตัวเองทำงานเยอะ ทำงานหนัก จะไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกหรือเปล่า ปีเตอร์ ได้เล่าว่าที่รับงานเยอะ ทำงานหนักก็เพราะทุกอย่างไว้เพื่อลูกๆ ในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ครูอ้วน มณีนุช" เคลียร์ชัด ค่าเรียนร้องเพลงแพงสุดในไทยจริงไหม?!
- ตลกซิทคอมตัวพ่อ "เฮียหมู" งานหด เงินหาย ลั่นยอมตายเพราะไร้เงินรักษาตัว!
- แก้มบุ๋ม ปรียาดา จากเจ้าแม่สายมูเข้าสู่สายธรรมะ ผลบุญหนุนนำแฟนหนุ่มสะกิดคุยเรื่องแต่งงาน
- อี๊ด โปงลางสะออน เปิดใจในสถานะใหม่ "คุณพ่อป้ายแดง" พร้อมยอมรับติดลูกหนักมาก!!
- นักร้องสาวดอกหญ้า "ต่าย อรทัย" รับแอบซุ่มคุยหนุ่มนอกวงการ!
- ดูเพลิงนางย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม เป็นยังไงบ้างกับกระแสเพลิงนางในบทดร.ล่องชาด
ปีเตอร์ : ตอนนี้กระแสเรียกว่าดีเลยครับ เรตติ้งก็ขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนในไอจีก็มีคนเข้ามาคอมเม้นต์ด็อกเตอร์โน้นนี่!!
ถาม ในเรื่องนี้ เบนซ์ บอกว่า ปีเตอร์ เป็นผู้ชายที่ให้ความหวังผู้หญิงมาก
ปีเตอร์ : ในละครคือด็อกเตอร์ เขาเป็นหนุ่มโสดมานาน แล้ว โมรี (เบนซ์) หลงรักเรามานาน พอมี พลับพลา เข้าหาเรา ดร.ล่องชาด เขาก็รู้สึกว่าต้องมีคู่แล้ว แต่เขาก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใคร เพราะ โมรี เป็นคนที่ดูมั่นคง แต่เหมือนใจเราไปทาง พลับพลา เหมือนก็ดูเหมือนเราลังเลที่จะเลือกใครดีในเรื่องนี้ครับ
ถาม แล้วเป็นยังไงบ้าง ได้ร่วมงานกับ พลอย ตัวแม่ของวงการ รู้จักกันมานานหรือยัง
ปีเตอร์ : รู้จักกันมานาน 20 ปีแล้วครับ รู้จักกันตั้งแต่เดินแบบด้วยกัน ถ่ายแบบด้วยกัน เห็นเขาตั้งแต่ใส่ชุดนักเรียน เขาอายุประมาณ 12 พลอยเขาจะมากับแม่ กับ พี่นุ่น เราก็แซว เขาก็จะเขิน
ปีเตอร์ : แต่ในเรื่อง เพลิงนาง คือการได้ร่วมงานจริงจังครั้งแรกในการแสดง ถามว่าเขินไหม ผมไม่เขินนะครับ เพราะเราก็โตๆ กันแล้ว ที่ตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้ ต้องบอกว่าเป็นโอกาสที่ดีเพราะผมอยากจะร่วมงานกับ พลอย อยู่แล้ว แล้วผู้กำกับคือก็รู้จักกันสนิทกันเราก็สบายใจพี่ติ๊ก กำกับ แล้วที่สำคัญคือ พี่ฉอด ดูบท เรายิ่งสบายใจเลย
ถาม แล้วบรรยากาศตอนถ่ายเป็นยังไงบ้าง เพราะในเรื่องแต่ละฉากมีแต่ตบ มีแต่ตีกัน เครียดไหม
ปีเตอร์ : ไม่เครียดครับ สั่งคัทเราก็เล่นตลกใส่กันเลย เป็นคนสนุก ชอบแกล้งอยู่แล้ว
ถาม นอกจากจะเป็นคนที่หาความสุขให้กับตัวเองแล้ว เตอร์ ยังเป็นคนขยันมาก เล่นละคร ร้องเพลง ทำธุรกิจเยอะมาก ทำโปรดักชั่นเฮ้าส์ ทำอาหารเสริม ทำรายการของตัวเอง
ปีเตอร์ : เมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว ผมทำโครงการเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ เป็นโครงการที่ดีมาก เป็นโครงการท่องเที่ยว ชื่อรายการว่า ขี่ตามฝัน แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมหยุดโครงการไปเพราะว่าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมยังพูดอะไรมากไม่ได้เกี่ยวกับโครงการนี้ แต่ตอนนี้พูดได้แล้วว่าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้เจอกับฝรั่งที่เขาทำโปรดักชั่นฮอลลีวูด มันมีวิธีที่จะอัพสเกลได้ จากที่ทำพูดในรายการเป็นภาษาไทย ต่อจากนี้เราจะทำเป็นอินเตอร์มากขึ้นครับ
ปีเตอร์ : ล่าสุดผมเพิ่งไปได้สัญญา History Channel 26 ประเทศ 138 ล้านครัวเรือน ประมาณ 500 ล้านคน พอได้สัญญามาแล้วผมเลยหยุดออกอากาศทางประเทศไทย แล้วเราก็ร่วมหาสปอนเซอร์ พอทุกอย่างลงตัว โควิดมาเลยต้องหยุดหมด (หัวเราะ) เราเลยต้องพักโครงการไปก่อน โดยเฉพาะเมืองนอก เขาก็ได้รับผลกระทบมาก แต่พอสถานการณ์ดีขึ้นก็จะกลับมาทำเหมือนเดิมรายการยังอยู่ใครสนใจเป็นสปอนเซอร์ได้นะครับ (หัวเราะ)
ปีเตอร์ : ตอนนี้เรากำลังพัฒนาโปรเจกต์อยู่ครับ ในการทำหนัง ซีรีส์ เพื่อให้ผลงานของไทยก้าวไปสู่อินเตอร์โดยได้ทีมงานจากฮอลลีวูดมาช่วยในการพัฒนางานครั้งนี้ครับ เราได้ติดต่อกับพาร์ทเนอร์หลายๆ คนกับทางฮอลลีวูด ทั้งโปรดิวเซอร์ ผู้เขียนสคริปต์ ตากล้อง ผู้กำกับ ซึ่งแต่ละคนเป็นระดับมืออาชีพ เขาได้รางวัลเอมมีมาหลายตัวแล้ว เขาเป็นระดับมือต้นๆ ของฮอลลีวูดเลย ทำหนังประสบความสำเร็จมาหลายเรื่องมาแล้ว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่ผมตั้งใจทำครับ
ถาม ทำงานหลายอย่าง แฟนๆ เลยถามว่าจะทำเพลงด้วยไหม เพราะคิดถึงเพลงที่ ปีเตอร์ ร้อง
ปีเตอร์ : หลายๆ คนก็ทักมาว่าได้ยินแต่เพลงละคร เมื่อไหร่เราจะมีเพลงของเราเองจริงๆ ผมก็ทำเพลงมาเรื่อยๆ อยู่แล้วนะครับ แต่ไม่ได้มีเวลาโปรโมท แต่ก็มีสต็อกเพลง 6-7 เพลง แนวเพลงคงไม่ได้หนีความเป็น ปีเตอร์ สำหรับเพลงนี้ที่มันพิเศษ ที่เพิ่งปล่อยออกมาชื่อเพลง เถ้าถ่าน เพลงนี้เหมาะกับคนในช่วงนี้มาก ชีวิตตอนนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดมาพังทลาย ไปไม่ถูกทำอะไรไม่ได้ ผมจึงอยากขอเป็นกำลังใจให้ ถ้าคุณมีจุดมุ่งมั่นขอให้คิดให้ได้ว่าอยากจะทำอะไรก็จงเดินไปอย่างแต่ละวันๆ เดินไปทีละก้าวสักวันหนึ่งก็จะถึงเอง คุณลองเปิดใจและจะเห็นโอกาสเพราะโอกาสอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา พิมพ์ในยูทูบว่า เถ้าถ่าน ก็จะขึ้นเลยครับ
ถาม อีกหน้าที่สำคัญที่เราเห็นคือหน้าที่ของคุณพ่อ
ปีเตอร์ : กำลังแสบเลยครับ ตอนนี้แพนเตอร์ กับ พูม่า อายุ 5 กับ 6 ขวบ ลูกของผมหลักๆ จะอยู่กับแม่ แล้ววันหนึ่งแม่ของเขาโทรมาบอกเราว่าแพนเตอร์เล่นละครแล้วนะ (ยิ้ม) การได้เล่นละคร ให้เขาได้ลองมันก็ดีนะ ถามว่าเร็วไปหรือเปล่าสำหรับเด็ก เขาอาจจะเครียดก็ได้ แต่ผมเชื่อว่า แพนเตอร์ เขาสายเอ็นเตอร์เทนอยู่แล้ว ชอบเต้น ชอบโชว์ ชอบคุย คิดว่าเขาสามารถควบคุมได้ ในส่วนตัวผมไม่ได้หวงห้ามเลย ถ้าเขาอยากลองเราก็อยากให้เขาไปลองจริงๆ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของเด็กคือการศึกษา ห้ามขาด ห้ามทิ้งเด็ดขาด ถ้ากระทบการศึกษาผมจะไม่เห็นด้วย แต่ถ้าเขายังรับผิดชอบ ทำการบ้านได้ ยังทำควบคู่กันได้ ก็ลองดูครับ
ปีเตอร์ : พอผมรู้ว่าเล่นละคร ผมก็เอาบทมานั่งดูกับลูก เพราะเขาอ่านภาษาไทยได้ เราก็ให้เขาอ่านให้ฟัง เพราะภาษาไทยของเขาแข็งแรงกว่าเรา (หัวเราะ) เราก็จะอธิบายให้เขาฟังว่าในบทของเขาจะต้องเจออะไรบ้าง เขาต้องแสดงยังไงรู้สึกยังไง พอเขารู้แล้วเขาจะได้รับมือถูก ไม่ตกใจ พอเจอหน้างานแล้วเขาจะได้ไม่กดดัน เล่นไม่ออก เราก็จะบอกว่าในกองจะมีคนเยอะแยะมากมาย มีไฟ มีแบบนั่นนี่นะ เราก็อธิบายให้เข้าฟัง และลองซ้อมกับเขา แล้วเด็กต้องสื่ออารมณแค่ไหนอะไรยังไงบอกเลยว่าไม่ง่ายเลยครับ แต่ แพนเตอร์เขาหัวเร็ว หายห่วงครับ
ถาม พอมีลูกชีวิตเราเปลี่ยนเลยไหม
ปีเตอร์ : แน่นอนครับ การที่มีลูกทำให้เรามองเห็นอนาคต จากที่อะไรก็ได้ ทำโน้นบ้างนี่บ้าง คือไม่ได้ละ ทุกอย่างต้องวางแผน ไม่ได้วางแผนเพื่อเรานะครับ แต่วางแผนเพื่อลูก
ถาม ทุกอย่างทำเพื่อลูก แล้วเคยมองหาคนที่มาดูแลตังเองไหม
ปีเตอร์ : ต้องยอมรับว่าหลังจากที่ความชุลมุนวุ่นวายในชีวิตของผม ผมรู้สึกพอแล้ว ตั้งใจว่าจะไม่ให้มันเกิดความวุ่นวายอีก จุดเปลี่ยนคือช่วงที่น้องชายผมเสีย ถ้าเราปิดกั้นต่อไป เราคงไม่มีความสุข เพราะตอนนั้นทำให้เรารู้ว่าชีวิตคือมีจุดเปลี่ยนมากมายและเปลี่ยนได้ตลอด ถ้าเราคิดจะทำอะไรเราก็ควรทำเลย เราก็ไม่ได้วิ่งหาว่าจะต้องมีคนเข้ามา หรือเราต้องเข้าหาเขาเราแค่เปิดให้มีโอกาสได้เจอแค่นั้น สักวันหนึ่งเราคงจะได้เจอใครสักคน แต่ในวันนี้ยังไม่มีครับ
Advertisement