"ซินดี้ สิรินยา" เคยเกือบทำเครื่องเพชรร้อยล้านหายก่อนขึ้นโชว์!!

ซุปเปอร์โมเดลตัวแม่ "ซินดี้ สิรินยา บิชอพ" ได้เผยวีรกรรมในชีวิตการเป็นนางแบบที่จำไม่เคยลืม เพราะเกือบทำเครื่องเพชรมูลค่าร้อยล้านหายก่อนขึ้นโชว์ พร้อมอัปเดตโครงการ Don't tell me how to dress ที่จัดขึ้นเพื่อรณรงค์เกี่ยวกับสิทธิสตรีและเด็ก บอกเลยว่างานนี้ทุกคนควรฟัง เพราะนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อสาวๆ แล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็จะได้แนวทางการเลี้ยงลูกที่ดีมากๆ จากเธออีกด้วย 

คอนเทนต์แนะนำ

ดับแล้ว 5 ศพ! นักท่องเที่ยวต่างชาติสังเวยชีวิตให้เหล้าผสมเมทานอลในลาว

ทำถึง! ทีมเชียร์ลีดเดอร์ขอนแก่นวิทยายน จากไวรัลชุดบอดี้มนุษย์และเปรต

รมช.คลัง แนะเข้าเว็บ Welfare.mof.go.th ยืนยันสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "สิงห์ วรรณสิงห์" เปิดความสัมพันธ์หวาน "มารีญา"
- เปิดชีวิตดนตรีหลายทศวรรษของ "แต๋ม ชรัส เฟื่องอารมย์" ชีวิตนี้ขาดเสียงเพลงไม่ได้
- "เบคกี้ ริสา" จากอดีตพิธีกรดาวรุ่ง ขึ้นแท่นผู้บริหาร 8 องค์กร!
- "เต็งหนึ่ง คณิศ" เผยสาเหตุหันหลังให้วงการบันเทิง!
- "ดาว มยุรี" เตรียมปล่อยเพลงใหม่ ถ้าไม่ปังจะเลิกร้องเพลง!!
- ดูเพลิงนางย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่  

ถาม  ซินดี้เข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 13 เริ่มมาจากอะไร

ซินดี้ : ถ่ายโฆษณาชิ้นแรกตอนอายุ 13 แบบงงๆ เมื่อก่อนอยู่พัทยา มีเพื่อนของคุณพ่ออีกที ซึ่งเมื่อก่อนคุณพ่อทำธุรกิจดำน้ำค่ะ เขาก็เหมือนมาถามว่า "เอ๊ะ ได้ข่าวว่ามีลูกสาวนี่ ดำน้ำได้ไหม? เราต้องการนางแบบที่ลงไปดำใต้ทะเล แล้วก็ถอดอุปกรณ์อะไรทุกอย่างแล้วก็ว่าย" มันเป็น TVC เขาต้องการที่จะโฆษณาว่ามันใสมากเหมือนกับเราลงไปว่ายกับปลาใต้น้ำจริงๆ ซึ่งเมื่อก่อนไม่มี CG ไม่มีอะไรอย่างนี้ ก็ต้องลงไปว่ายจริงๆ ในทะเล นั่นคือโฆษณาชิ้นแรกตอนอายุ 13 แล้วหลังจากนั้นเราก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น Under Water Talent คือใครที่ต้องการโฆษณาที่เกี่ยวกับดำน้ำว่ายน้ำอะไรในน้ำเนี่ย (ให้ใช้ซินดี้สิ)ก็เลยได้งาน จริงๆ แล้วเป็นนางแบบโฆษณามาก่อนเลย


ถาม มาประกวดเวทีแรกในชีวิต แล้วก็มงลงเลย

ซินดี้ : ใช่ค่ะ


ถาม คือเวที Miss Thailand World ตอนนั้นมีแมวมองหรืออะไรมาทาบทามอะไรไหม

ซินดี้ : ต่อยอดมาจากที่ซินดี้ถ่ายโฆษณาอยู่ในสังกัด มีคนชวนค่ะ


ถาม ตอนนั้นมงเพราะว่าการตอบคำถามของพี่ซินดี้ สวนกระแสของการตอบคำถามยุคนั้นเลย

ซินดี้ : เมื่อก่อนจะมีรอบที่ถาม 10 คนสุดท้าย คำถามจะไม่เหมือนกัน ซินดี้จำได้ว่าเจอคำถามว่า "คิดยังไงกับเรื่องศัลยกรรม" ก็ตอบไปว่า "จริงๆ แล้วมันเป็นสิทธิของทุกคน แล้วแต่ว่าเขาอยากจะเสริมอะไรตรงไหนยังไง แต่สำหรับซินดี้ ซินดี้คิดว่าความสวยจริงๆ มาจากภายในนะคะ" ว่าไป

ถาม ในยุคนั้นถือว่าเป็นแบบเป็นคำตอบที่จุดพลุ อันนั้น 10 คน แล้วรอบ 5 คนคำถามเดียวกันใช่ไหม

ซินดี้ : 5 คนคำถามเดียวกัน ถ้าต้องเลือกระหว่างเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดและเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด คุณจะเลือกอะไรและเพราะเหตุใดรวยสิคะ ไม่ได้ตอบอย่างนี้นะคะ แต่เหมือนเขาก็อาจจะคาดหวังว่าจะต้องตอบว่าสวย เหมือนว่าเราพูดว่าสวยจากภายในมาแล้ว อะไรอย่างนี้ แต่อันนี้คือบอกว่าไม่ ขอรวยค่ะ ทุกคนก็โห เสียงคนดู ซินดี้บอกว่า เดี๋ยวก่อนค่ะ "หลายคนคิดว่าเงินซื้อของได้หลายอย่าง แต่ดิฉันคิดว่าเงินช่วยคนได้หลายคนค่ะ"


ถาม อีกหนึ่งบทบาทการเป็นสุดยอดนางแบบของประเทศไทย

ซินดี้ : จริงๆ แล้วชื่นชอบอาชีพนางแบบมาก เป็น my first love เลย ซินดี้เป็นลูกคนเดียว สมัยนั้นพัทยาก็ไม่มีกิจกรรมอะไรเยอะมาก ก็จะเอ็นเตอร์เทนตัวเองด้วยการทำแฟชั่นโชว์ให้พ่อแม่ดูหลังทานข้าวทุกคืน นั่งดูบัลเล่ต์เป็นชั่วโมง ชอบการใช้สรีระร่างกายในการสร้างอารมณ์ต่างๆ หรือว่าสื่อสารอะไรอย่างเนี้ย การเป็นนางแบบมันใช่ตรงนี้มาก


ถาม แต่ว่ามีการเดินแบบครั้งหนึ่งที่จำไม่ลืมตลอดชีวิต เพราะว่าทำเครื่องเพชรหลักล้านหาย

ซินดี้ : อยู่หลังเวทีกำลังจะเดิน จำได้เลยว่าอยู่ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล เมื่อก่อนเขาจะจัดในห้องบอลรูม มีแบบแขกคุณหญิงคุณนายนั่งทานดินเนอร์ นางแบบก็จะออกมาเดินเฉิดฉายๆ เราก็อยู่ข้างหลัง ซึ่งข้างหลังกับข้างหน้าคนละเรื่องกันเลย ข้างหลังก็จะแบบวุ่นวายมาก มีเด็กเสิร์ฟวิ่งไปวิ่งมา ถือกาฟงกาแฟ เราก็ต้องแบบพยายามทำตัวเล็กๆ แล้ว ก็รอที่จะขึ้นเวที แล้วก็คุยกับพี่อุ๋ม (อุ๋ม อาภาศิริ) จำได้ว่าเครื่องเพชรเป็นร้อยล้าน ตรงคอก็แผง ตรงนี้เป็นต่างหู ข้างละเม็ด เม็ดก็ประมาณเม็ดฮอลล์ ใหญ่กว่าฮอลล์ ระมาณนี้ค่ะ ก็คุยกันแบบ "ซินดี้เพชรหาย" ก็หะ อะไรนะ? "เพชรหาย แกจับตรงนี้สิ" ก็ข้างนี้คือมีเม็ดนึงอยู่ อีกข้างเป็นหูโบ๋ คือมันหลุดออกไปจาก setting เลยอ่ะ หลุดออกไประหว่างที่ซินดี้กำลังจะรอเดินที่นี่ก็แบบ "หะ หายยย" มันหายมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะ Security แค่ไปห้องน้ำก็ไม่ได้ เขาล้อมตัวทุกอย่างตรงนั้นเลย แล้วโชว์มันกำลังโชว์อยู่อะ ซึ่งซินดี้น่าจะประมาณอีกประมาณ 5 คนหลังจากคนที่อยู่บนเวที แล้วทุกคนก็แบบ "เดี๋ยวๆๆๆ หยุดๆๆๆ" นั่นก็โชว์กันไป ทุกคนก็แบบหาเม็ดเพชรเม็ดนี้อยู่ หาไม่เจอ ฉันก็แบบทำยังไงดี สักพักก็หันไปมองพี่อุ๋ม "พี่อุ๋ม ทำยังไงดี" "งั้นถอดก่อน ถอดต่างหู อย่างน้อยยูก็มีตรงนี้ (สร้อยเพชร) ยูก็ออกไปเดินอย่างนี้ก่อน" ระหว่างที่ถอด พี่อุ๋มก็แบบ "แกชุดอ่ะ" ซินดี้ก็มองลงไป แล้วชุดซินดี้มันเป็นแบบเกาะอก มันก็จะมีแบบแถบขึ้นมา "แกลองดูข้างในดิ เผื่อมันมีมันอาจจะหล่นลงไป" ซินดี้ก็แบบ “อะไร อยู่ตรงไหน? อะลองดู” ล้วงลงไปเจอ!!! แล้วก็เป็นท่าอย่างเนี้ย (หยิบเพชรจากในชุดขึ้นโชว์) "พี่อุ๋มอยู่ตรงนี้" เท่านั้นแหละ Security ก็มาแบบ ok ครับ และพอไปปุ๊บเนี่ย โคโรกราฟก็แบบ "ซินดี้ไป" พอดีเป๊ะเลย แล้วก็เดินออกไปมือไม้แบบสั่นเหมือนเราช็อคอะ แต่เดอะโชว์มัสโกออน

ถาม ณ วันนี้กลายเป็นแม่ของสาวประเภทสองในประเทศไทยไปแล้ว เพราะว่าเป็น Beauty Mom ให้กับเวที miss tiffany universe มาต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว 

ซินดี้ : เป็นเมนเทอร์ด้วย เป็นพี่เลี้ยงด้วย เป็นคนที่ช่วยสอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย บทบาทบทของเราคือการถ่ายทอดประสบการณ์ที่เราลองผิดลองถูกมาแล้ว คอยช่วยให้น้องๆ ไปในทางที่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด สามารถแสดงเอกลักษณ์ของตัวเองมากที่สุด ภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมค่ะ


ถาม อีกหนึ่งบทบาทซึ่งอันนี้เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมาก เป็นนักขับเคลื่อน

ซินดี้ : ทั้งขับเคลื่อน ทั้งพยายามเป็นกระบอกเสียง รณรงค์สิทธิสตรี

ซินดี้ : หลักๆ ซินดี้จะดูในเรื่องของต่อต้านความรุนแรงต่อเด็กและผู้หญิงในทุกรูปแบบ ต่อต้านมายาคติที่ส่งผลให้มีการไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศ แล้วก็รณรงค์ให้มีการคุยกับลูกเรื่องเพศตั้งแต่อายุเนิ่นๆ เพื่อที่เราจะปลูกฝังพื้นฐานในการมีความสัมพันธ์ที่มันอยู่บนพื้นฐานการให้เกียรติกัน


ถาม โครงการหรือแฮชแท็กที่ตอนนั้นมีคนแชร์ คือ Don’t Tell Me How To Dress 

ซินดี้ : "อย่ามาบอกให้ฉันแต่งตัวแบบไหน" อ่านหนังสือพิมพ์ในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ในปี 2018 นี่ทำมาเกือบจะ 2 ปีครึ่งแล้ว ไปสะดุดกับเฮดไลน์ที่บอกว่า "ถ้าไม่อยากโดนคุกคาม ก็อย่าแต่งตัวโป๊" ซินดี้ก็แบบ เอ๊ะ!!ยังไง? เดี๋ยวก่อนนะ ก็เลยอ่านไป นึกว่าในข่าวก็จะมีแบบออกมาตักเตือนฝ่ายที่คิดจะไปกระทำความรุนแรงหรืออะไรอย่างนี้ แต่ไม่เลย คือให้งดแต่งตัวโป๊ แล้วคุณจะไม่โดนคุกคาม ซึ่งซินดี้เจอกับตัวเลยตอนอายุ 17 เพิ่งได้ตำแหน่งหมาดๆ ก็ไปเที่ยวปาร์ตี้สงกรานต์ตอนกลาง แล้วเจอผู้ชาย 5 คนมาเป็นแก๊งนะ แล้วเราก็ใส่เสื้อยืด กางเกงสามส่วนกางเกงยีนส์อะไรอย่างนี้ คือไม่เกี่ยวกับการแต่งตัว อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นั้น ทำให้ซินดี้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วระบายความในใจ "คิดได้แค่นี้จริงๆ เหรอคะ ที่จะหยุดปัญหานี้"


ถาม เป็นคุณแม่ที่เลี้ยงลูกแบบกฎบัญญัติ 12 ประการของบ้าน

ซินดี้ : กฏบัญญัติ 12 ประการนี่มาจากเด็กๆ ราทำงานแบบครอบครัว เพราะมีอยู่ช่วงนึงที่ไปเที่ยวไปอเมริกากัน แล้วถ้าไม่อยู่ใน schedule บางทีมีการปล่อยปะอะไรอย่างนี้ เขาก็เหมือนแบบวันนั้นตีกันมากเป็นพิเศษ เถียงกันอยู่นั่น ซินดี้ก็แบบ "หยุดเดี๋ยวก่อน ไม่โอเคแล้ว มามี้ไม่ชอบสิ่งที่ลูกทะเลาะกัน" จับมานั่งเลย เอเดนฝั่งนี้ เลล่าฝั่งนี้ เอากระดาษมา แล้วก็ดินสอมาคนละแท่ง ไม่ได้แบบนี้ มามี้ไม่โอเค เราไม่มีการให้เกียรติซึ่งกัน เถียงกันแบบไม่ใช่ เราจะมาตั้งกฎใหม่เรามี Family rules อะไรบ้าง? ไหนเลล่าลองยกตัวอย่างมาซิ หนูคิดว่ากฏที่เราควรมีที่จะเป็นพื้นฐานของการที่จะ treat ตัวเองคืออะไรบ้าง "ไม่ตีกันค่ะ" เขียนลงไปเลยค่ะ ไม่ตี เอเดนมีอะไรคะ "ไม่โกหก" ดีมากลูก ต่อๆ อย่างนี้ ได้มา 12 กฎ มีห้ามพูดแทรก มีห้ามตี ห้ามโกหก ห้ามมีความลับที่ไม่ดี เราทำเป็นเพลงด้วย

ถาม วิธีการเลี้ยงลูกแบบนี้ ทำให้เดือนหน้าจะคลอดหนังสือเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงลูก

ซินดี้ : มันเป็นการผสมผสานการเลี้ยงลูกกับโครงการที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง เรื่องสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย ซึ่งพอเราทำมาสัก 2 เกือบ 3 ปีแล้ว เราเข้าใจเลยว่าปัญหาความรุนแรง หรือปัญหาไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศ มันมาตั้งแต่เด็กเลย มันคือการปลูกฝังเยาวชน ถ้าเราไม่อยากจะมีปัญหาตอนที่โต สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะคำนึงถึงแล้วก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก มันต้องเริ่มจากที่บ้าน ก็เลยคลอดหนังสือออกมาชื่อ "ร่างกายของหนู หนูดูแลเองได้" เป็นการ์ตูน ออกแบบมาให้พ่อแม่อ่านกับเด็ก ประมาณ 5-8 ขวบ เป็นการ์ตูนเล่าเรื่องโดยพี่สาวคนหนึ่งและน้องชายคนหนึ่ง แล้วก็น้องหมา พูดถึงร่างกายของเราเนี่ยสุดยอดมากเลย มีเอาอวัยวะอะไรบ้าง?  มีชื่อที่ถูกต้องของมัน ส่วนไหนที่เป็นของหนู แล้วหนูมีสิทธิ์ที่จะพูด เมื่อมีอะไรที่หนูรู้สึกว่า ไม่โอเค ไม่สะดวกสบาย ปลูกฝังให้ลูกเนี่ยเข้าใจตัวเอง สิทธิในเนื้อตัวร่างกายของตัวเอง แล้วก็กล้าที่จะพูดขึ้นมา สัมผัสที่ดี สัมผัสที่ไม่ดีคืออะไร คือมันเป็นเพศศึกษาในแบบที่ไม่น่ากลัว friendly แต่สำคัญมากๆ ก็เลยอยากจะให้คุณพ่อคุณแม่ลุกขึ้นมา อย่าให้เรื่องเพศเป็นเรื่องที่ปล่อยให้คุณครูพูดถึงหรือให้คุณหมอมาสอนลูก ไม่มีใครรู้จักลูกของคุณได้ดีเท่าตัวคุณเอง แล้วเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยเลย เราต้องเป็นคนที่หันกลับมามองว่าสิ่งที่เรากำลังสอนลูกในทุกวันนี้คืออะไร? หรือสิ่งที่เราไม่ยอมพูดกับลูกเลยเนี่ย มันน่ากลัวมาก