ชีวิตยิ่งกว่าละครของ ป๋าต๊อบ-ปฏิญญา ควรตระกูล สาวหล่อเซเลบคนดัง กับบาดแผลความทรงจำในวัยเด็กที่ไม่มีวันลืม ถูกล่วงละเมิดจนท้อง ชีวิตพลาดเพราะยาเสพติด
"กรรมนี้มันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เป็นเรื่องที่พี่ต้องชดใช้ เป็นที่สุดของชีวิตแล้ว" คำบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ "ป๋าต๊อบ-ปฏิญญา ควรตระกูล" สาวหล่อเซเลบคนดัง กับเบื้องหลังชีวิตสุดขมขื่น เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศจนท้อง แค้นพ่อแม่ ชีวิตเกือบพลาดและพังเพราะยาเสพติด
ตอนเด็กๆ มีคุณยายและน้าสาวที่รักเรามากเป็นคนตั้งชื่อให้พี่ว่าต๊อบ ส่วนปฏิญญา น้าสาวเป็นคนตั้งให้ เพราะน่าจะหลงหลานมาก ตอนเด็กเราเป็นเด็กน่ารัก แต่ว่าพ่อแม่ยุ่งมาก พ่อพี่ไม่ได้เป็นคนมีการศึกษานะ แล้วหมู่บ้านปัญญาทำมาเพราะว่าเก่ง ส่วนแม่พี่เป็นช่างตัดผม มาจากครอบครัวที่ไม่มีเงินเลย พ่อก็เลยตั้งใจทำงานมาก ทำยังไงก็ได้ไม่ให้ลูกต้องลำบากแบบที่ตัวเองเคยลำบาก ก็เลยทำงานตลอดเวลาจนไม่มีเวลาให้ลูก
พี่มีพี่สาวคน พี่ชายคน อายุห่างจากพี่ 8 ปี พี่สาวน่าจะ 10 อยู่ด้วยกันแต่ว่าต่างคนต่างอยู่ เพราะอายุมันก็ต่างกันเยอะ แม่ไม่มีเวลาไปส่งที่โรงเรียน ก็ให้คนขับรถไปส่ง ไม่ค่อยมีใครดูแล จะมีมาดูแลตอนเดียวก็คือตอนโดนแม่ตีเพราะท่องสูตรคูณไม่ได้ พี่ก็เลยมีความทรงจำวัยเด็กน้อยมาก
แล้วบ้านยายอยู่ไม่ไกลจากกัน ติดกับตลาด เป็นความทรงจำเดียวในวัยเด็กที่ดี๊ดี เพราะจำได้ถึงความหอมของขนมครกกับขนมไข่ที่อยู่ข้างๆ ตลาด ซึ่งที่ชอบเดินไปตลาดบ่อยๆ จนเป็นเด็กอ้วนก็เพราะแบบนี้
ชีวิตของป๋าต๊อบในวัย 11 ขวบที่กำลังไร้เดียงสา ต้องเจอกับบททดสอบชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ ถูกคนขับรถเข้ามาสร้างบาดแผลที่ไม่มีวันลืมในหัวใจของเธอ
เขาขับรถไปส่งเราที่โรงเรียนแล้วคงเห็นโอกาส พี่โดนเขากระทำอยู่เป็นเดือนนะ สมัยนั้นเรื่องเพศเขาไม่ค่อยพูดกัน ในทีวีตอนนั้นจะหอมแก้มกันทีเป็นเรื่องเป็นราว แล้วเด็กอายุ 10 กว่าจะรู้เรื่องอะไร รู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติว่าในสิ่งที่เขาทำมันไม่น่าจะถูก เพราะว่าความรู้สึกมันไม่ใช่ แต่ไม่รู้จะบอกใคร ไม่รู้บอกได้ไหม พอหลังจากเหตุเกิดได้สักพัก น้าสาวมาดูพี่แล้วเขาบอกว่าพี่น่าจะมีอะไรผิด รูปร่างดูผิดไป เขาสงสัยก็เลยจับไปตรวจ ผลปรากฎว่าท้อง (ตอน 11 ขวบ) ก็เลยให้พี่ไปทำแท้ง จำได้คร่าวๆ ว่าโดนเข็นเข้าไปบนเตียง แล้วก็ได้ยินเสียงคนบอกว่าไม่เป็นไรนะ นิดเดียวแล้วก็หลับไป พอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่างๆ เหมือนมันมีอะไรหายไป
ถ้ามองทางมุมธรรมะ พี่คงติดกรรมอะไรเขาไว้หรือว่าเคยไปทำอะไรใครไว้ในชาติหนึ่งที่พี่จะต้องได้รับความรู้สึกนั้นๆ ในชาตินี้ กรรมนี้มันคงหนักใหญ่มาก เรื่องที่มันจะเกิดมันต้องเกิด อะไรห้ามไม่ให้มันเกิดก็ไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่พี่ต้องชดใช้ พี่เอาความโกรธทั้งหมดไปโยนไว้กับพ่อแม่ โทษพ่อแม่ว่าทำไมเขาไม่ดูแลไม่ปกป้อง ไปโทษว่าเป็นเพราะเขาไม่รักเรื่องนี้ถึงเกิด
ที่พี่ออกมาพูดเรื่องนี้เพราะพี่ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าอายของผู้หญิง หรือเรื่องที่ผู้หญิงต้องมาปิด เพราะกลัวว่าผู้ชายอย่างนั้นอย่างนี้ หรือพอผู้หญิงมาพูดเสร็จปุ๊บ จะถูกมองว่าจริงหรือเปล่า? เธอให้ท่าเขาหรือเปล่า เธอเข้าไปอยู่ห้องเดียวกับเขาผู้ขายเลยผิด ตราบใดที่ผู้หญิงบอกว่าไม่ ผู้ชายมีหน้าที่ฟัง ต่อให้ถึงวินาทีสุดท้าย แล้วเปลี่ยนใจก็คือต้องฟังเรา นี่คือหน้าที่ที่พี่ออกมาพูด จะมาบอกผู้หญิงไม่จำเป็นต้องพูดต้องเงียบ ไม่ค่ะ เราไม่จำเป็นต้องเงียบ ไม่จำเป็นต้องอาย อย่าเก็บแล้วอย่านึกว่าเราเป็นคนผิด หรือเรื่องนี้เกิดขึ้นมาเพราะเราไม่ดีพอหรือเราซวย
หลังเจอความเจ็บปวดในวัย 11 ขวบ พ่อแม่ตัดสินใจพาป๋าต๊อบไปเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ
ออกจากโรงเรียนที่ไทยแล้วไปอังกฤษเลย ที่แรกคือแม่พาไปอยู่บ้านญาติ 1-2 คืนแล้วก็พาไปเข้าโรงเรียน เขาบอกว่าเดี๋ยวมารับ เราก็ได้แต่รอแต่เขาก็ไม่มา พอผิดหวังแล้วความผิดหวังของเด็กที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ มันหลายเป็นความขมขื่น กลายเป็นความโมโหและความแค้น
พอไปอยู่ที่นู่น ชีวิตที่นู่นสนุกมาก เป็นชีวิตที่กลับมาบ้านแล้วไม่ต้องกลัวแม่ตี อยู่กับเพื่อนทั้งวัน อิสระ พูดภาษาอะไรก็ไม่เป็น ไปตรงไหนคนก็หัวเราะ ทำอะไรคนก็รู้สึกว่าดีไปหมด ป็อปปูล่ามาก พอตอนมัธยมก็มีหนุ่มๆ มาจีบ ตอนนั้นเราเป็นผู้หญิงน่าตาดี รูปร่างดี แต่พี่ไม่ชอบ
จนมาได้คบกับผู้หญิง ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราอยากดูแลเขา พี่มีความต้องการอยากจะดูแลคน ชอบดูแลคนอื่น ซึ่งมันน่าจะมาจากความรู้สึกว่าอยากจะให้เขาในสิ่งที่ตัวเองอยากได้รับ มีคนคอยเป็นห่วงเรา เหนื่อยไหม ร้อนไหม ปวดหัวไหม ป่วยไหม
ความสนุกในชีวิต ทำให้หลงระเริงจนเดินทางผิด
ติดยา พี่ลองมาตั้งแต่เด็กแล้วไง มันเป็นทางออกของพี่ตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะความคิดพี่มันไม่หยุดเลย ลองนึกภาพกลับไปตอนเด็กอายุ 11-12 ปี แล้วไปอังกฤษ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ พูดได้แต่ภาษาไทย แล้วพอพี่ช่วงสัก 16 ปี พี่ก็เริ่มหนีออกจากโรงเรียนบ้างหรือไม่ก็มีช่วงโอกาสที่สามารถจะหนีออกไปไม่ให้ครูเห็น เดินไปที่ปั้มน้ำมันเพื่อที่จะไปหาซื้อเบียร์มากินกับเพื่อนในช่วงวันหยุดวีคเอนด์ มีเงินไปจ้างคนในเมืองไปซื้อวอดก้า วิสกี้ ไปกินใต้สะพาน
พอโตขึ้นมาหน่อยได้ไปเที่ยวนิวยอร์ก คนก็ถามว่าลองโคเคนไหม เราก็ลอง โดยไม่เห็นประตูนรกที่เปิดรออยู่ ถ้าวันนั้นมันเป็นทางออกของพี่ พอเหงา ใช้ยาก็หายเหงา พอโกรธ ไปใช้ก็หายโกรธ อกหักพอไปใช้มันก็ดีขึ้น มันเลยเป็นทางออกให้พี่ตลอด จนตอนหลังหยุดใช้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเครียดหรือสุข หยุดใช้มันไม่ได้เลย
ติดยาหนักจนขาดไม่ได้เกือบ 10 ปี ชีวิตที่เข้าใกล้ความตาย
ใช้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันไม่หยุดเลย จะหยุดเพียงแค่สลบ ไม่เรียกว่าหลับหรือยาหมด ทุกนาทีคือหายามาใช้ ทำยังไงให้หาซื้อยามาใช้และการมีชีวิตอยู่เพื่อเสพยา ไม่เคยอาบน้ำ เข้าห้องน้ำ ไปล้างหน้าแปรงฟัน ไม่กินข้าวไม่นอน จนหัวใจวายเพราะเสพยา โอเวอร์โดสจากการใช้ยาเกินขนาด
แต่ชีวิตพี่มีเทวดามีนางฟ้าในชีวิตหลายคน มีคนในชีวิตที่เขาไม่ทิ้งพี่เลย ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม คอยวนเวียนมาตกระกำลำบาก มาคอยตามดูพี่นั่งเล่นยา ซึ่งจริงๆ แล้วเขาไม่ต้องมาก็ได้ พี่ว่าบางทีน้องๆ เหล่านี้ที่เวียนมาหา หรือน้องๆ ที่อยู่ในชีวิตพี่ปัจจุบันนี้ที่เขามาดูแลพี่ตอนนั้น ถ้าเขาไม่อยู่พี่คงตายไปแล้ว พี่มั่นใจ พี่คงตายไปด้วยความเหงา คือเหี่ยวตาย เฉาตาย
มันเหมือนที่เขาบอกเลยว่าก่อนที่เราจะตาย ชีวิตเราจะมาให้เราเห็น พี่เป็นอย่างนี้ทุกคืนตอนหลับ พี่กลัวว่าพี่จะต้องเห็นความผิดของตัวพี่เอง ขนาดที่ว่าพี่จะกินยานอนหลับเป็นกำๆ เพื่อให้ตัวพี่ไม่มีช่วงนั้น
พบรักแต่กลับพาคนรักติดยาไปด้วย
ตอนหลังๆ ปีใหม่ (ปีใหม่ สุมนต์รัตน์ ) เขาไม่ค่อยเตือนแล้ว เขาเมาด้วยเลย แต่พี่ก็ต้องหยุดเพราะพี่ไม่อยากทำเขาตายด้วย ถ้าพี่ไม่หยุด ปีใหม่ตายด้วยแน่นอน มันเหมือนเห็นกระจกสะท้อน ปีใหม่มาเป็นกระจกให้พี่ เห็นเขาก็เห็นตัวเอง โห...มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ
สมมติถ้าตัวพี่เองตายไม่เท่าไร แต่พี่ทำน้องตายด้วยไง พี่เลยไปศูนย์บำบัดเพราะถ้าจะเลิกยาต้องถอยออกมา มันจะมีช่วงที่เราเคลียร์ออกจากยาทั้งร่างหรือที่เรียกว่าการลงแดงนั่นแหละ ทรมานมากๆ มันปวดไปถึงกระดูก มันหนาว เสร็จแล้วก็ร้อน แล้วมันหงุดหงิดมันงุ่นง่าน โมโห จะเอาให้ได้ ซึ่งทรมานที่สุดของชีวิตแล้ว
หลังเลิกขาดจากยาเสพติด พี่ก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาทำอะไรอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ไม่เคยคิดว่าจะมาอยู่มาเจออาชีพที่ไม่ได้เป็นงานแล้วมีความสุขกับสิ่งที่ทำมาก พี่หาไปเรื่อยหาทางที่จะทำให้ตัวเองทุกข์น้อยลง แล้วพอมาเจอเสียงบำบัด เจอการนั่งสมาธิ ก็ได้เจอว่าช่องว่างระหว่างความคิดมันมีสเปซ แต่จริงๆ อาชีพนี้มันมีอยู่แล้ว ที่ประเทศอื่นเขาเรียก Sound Healing เมืองไทยก็มีตามโยคะสตูดิโอ จะมีบางแห่งที่ครูเขาเอาขันทิเบตไปใช้หลังจากที่เล่นโยคะเสร็จ ทำท่าศพโยคะสตรีเพื่อให้ช่วยผ่อนคลาย
"อโหสิกรรม" คือทางดับทุกข์
หลังจากชีวิตกลับมาเข้าที่เข้าทาง ป๋าต๊อบ รู้ซึ่งว่าการอโหสิกรรมคือหนทางดับทุกข์ ด้วยการให้อภัย อโหสิเพื่อจะได้จบกัน ไม่งั้นชาติหน้าก็จะต้องมาชดใช้กันอีก อโหสิให้พ่อกับแม่ ขอโทษที่โทษว่าเป็นความผิดพ่อแม่ แล้วใช้เวลานั้นแทนที่จะใช้ชีวิตประชดเขา กลับมาใช้ชีวิตด้วยความรักและเข้าใจเขา พี่กลับตัวได้ตอนอายุ 46 เพิ่งจะหายเลิกแค้นพ่อแม่ได้ไม่กี่ปีเอง เพราะว่าเพิ่งจะมองเห็นว่าแค้นเพราะเรื่องนี้ ถ้าเรามองไม่เห็นว่าเป็นเพราะเรื่องอะไร ตั้งต้นเหตุไม่ถูกแล้วเราจะไปแก้ถูกจุดไหม
และนี่คือเรื่องราวชีวิตของป๋าต๊อบ ที่แม้จะผ่านเรื่องราวความเจ็บปวดหรือเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม แต่สิ่งที่ป๋าต๊อบทำให้เห็นก็คือ ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ นั่นแปลว่าเรายังมีโอกาสแก้ไขและให้อภัยต่อความเจ็บปวดนั้น เพื่อให้เราใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างมีความสุขที่สุด
Advertisement