เรียกว่าอยู่ดีๆก็งานเข้าอย่างจัง สำหรับนักแสดงหนุ่ม บีม ศรัณยู ที่ล่าสุดเมื่อช่วงดึกของวานนี้ (24 พฤษภาคม) เจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ข้อมูลเตือนภัย ถูกมิจฉาชีพมือดีแฮกไลน์และเฟซบุ๊ก ไล่ขอยืมเงินเพื่อนๆ 40 คน จนทำให้มีผู้เสียหายหลายราย
ล่าสุดวันนี้ (25 พฤษภาคม 2564) บีม ศรัณยู พร้อมด้วยญาติและเพื่อนสนิทจำนวน 2 คน ในฐานะผู้เสียหายที่หลงเชื่อโอนเงินไปให้มิจฉาชีพ ได้เดินทางมายังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ได้เพื่อแจ้งความเอาผิดคนร้ายที่มีพฤติกรรมแฮกข้อมูลในส่วนของแอปพลิเคชันไลน์ และเฟซบุ๊ก ก่อนปลอมตัวไปใช้ยืมเงินคนรู้จักกว่า 40 ราย โดยมีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวน 5 ราวโอนเงินไปแล้วกว่า 50,000 บาท โดยเจ้าตัวเองได้นำหลักฐานเป็นผู้เสียหายจำนวน 2 ราย ตลอดจนมีการแคปหน้าจอเกี่ยวกับแชททั้งหมดมาให้ทางเจ้าหน้าที่ด้วย
ต่อมาภายหลังทางที่ บีม ศรัณยู ได้พบกับเจ้าหน้าที่แล้วเสร็จ เจ้าตัวก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า สำหรับวันนี้ตนเองได้เดินทางมาเพื่อแจ้งความและตามหาคนกระทำผิด เกี่ยวกับกรณีที่มีบุคคลแอบแฮกข้อมูลทางแอปพลิเคชั่นไลน์และเฟซบุ๊ก โดยที่ทางมือดีได้มีการสวมรอยเป็นตนทักข้อความไปยืมเงินคนที่ตนรู้จัก และมีอยู่ในคอนเนกชั่นจำนวน กว่า 40 ราย แต่มีคนสนิทที่หลงเชื่อและโอนเงินจริงจำนวน 5 ราย รายละ 9,000 บาท รวมแล้วประมาณเกือบ 50,000 บาท
ทั้งนี้ในส่วนของบัญชีที่ทางมือดีแอบอ้างนั้น ส่วนตัวก็ได้นำข้อมูลเบื้องต้นมาให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหาตัวและเรียกมาให้ข้อมูลในลำดับต่อไป โดยทราบชื่อจริง นามสกุล ของเจ้าของบัญชีทั้ง 2 คน ที่ให้โอนเงินไปเรียบร้อย ซึ่งทั้งคู่เองมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสงขลา อย่างไรก็ตามส่วนตัวก็อยากบอกทั้ง 2 คน ว่าหากไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็ขอให้ไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อลงบันทึกประจำวัน และชี้เเจงรายละเอียดจะดีกว่า
เมื่อถามว่าสาเหตุหลักที่โดนแฮกมาจากอะไรนั้น ส่วนตัวคิดว่าน่าจะมาจากรหัสอีเมลแอดเดรสเก่านานมาแล้ว ที่มีการลิงก์กับเฟซบุ๊ก ทางมือดีอาจจะใช้ช่องว่างดังกล่าวในการแฮกครั้งนี้ เพราะอีเมลดังกล่าวตนเองก็ลืมรหัสผ่านไปแล้ว ยอมรับว่านอกเหนือจาก 5 คนที่หลงเชื่อ แต่ยังมีอีกประมาณ 40 รายที่โดนทักไปแต่ไหวตัวทัน โดยทุกคนที่โดนทักไปส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อน ๆ ในวงการ ตลอดจนมีผู้ใหญ่ที่เป็นนายตำรวจที่รู้จักก็โดนด้วย
อย่างไรก็ตามในส่วนของตนวันนี้เองสามารถ แจ้งความได้ในข้อหา ทำให้ตนเสียชื่อเสียงและทำให้คนอื่นเสียหาย จากพฤติกรรมการสวมรอยดังกล่าว ขณะที่ในส่วนของเพื่อนอีก 2 คนที่เดินทางมาก็จะมีร้องทุกข์กล่าวโทษในส่วนของการฉ้อโกง เป็นต้น ยอมรับว่าส่วนตัวรู้สึกตกใจหลังเจอเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมฝากเตือนทุกคนให้ระวังเรื่องราวของอีเมล์ด้วย หากไม่ใช้แล้วควรลบทิ้ง
Advertisement