“นายกฯ” ชู 3 แนวทาง “ความยั่งยืน-การค้าการลงทุนที่เปิดกว้าง-ความเชื่อมโยงเวทีผู้นำเอเปค” มั่นใจ เป็นแนวทางสู่ประชาคมเอเชีย-แปซิฟิกที่เปิดกว้าง มีพลัง ฟื้นตัวได้ และสงบสุข พร้อมหารือรัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ กระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ในฐานะหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ ในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมสำคัญของสหรัฐฯ
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 17 พ.ย. 66(ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก ช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) ที่ศูนย์ประชุมมอสโคนีเซ็นเตอร์ ( Moscone Center ) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในรูปแบบ Retreat (APEC Economic Leaders’ Retreat (Session II)) หัวข้อ “Interconnectedness and Building Inclusive and Resilient Economies”และร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30
โดยนายกฯ กล่าวถ้อยแถลงเป็นลำดับที่ 18 ต่อจากผู้นำจีนไทเป ประธานาธิบดีเวียดนาม นาง Kristalina Georgieva กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF)นำเสนอภาพรวมเศรษฐกิจโลกใน ค.ศ. 2023
นายกฯ กล่าวว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนของโลก ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ต่อระบบการค้าพหุภาคีและเอเปค เพื่อมุ่งสู่ประชาคมเอเชีย-แปซิฟิก ที่เปิดกว้าง ยืดหยุ่นและสงบสุข โดยได้มีการหารือและสนทนาเกี่ยวกับวิธีการต่อสู้กับปัญหาสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเห็นพ้องกับผู้นำทุกคนว่า ถึงเวลาที่ต้องลงมือให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดยเสนอ 3 มุมมอง ที่เป็นประโยชน์ต่อเอเปค คือ 1.ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสานต่อพัฒนาการเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG ที่ปีนี้เอเปคมีความก้าวหน้าอย่างมาก โครงการมากกว่า 280 โครงการ ตอบสนองต่อเป้าหมายฯนี้ ขณะที่ ABAC เดินหน้าผลักดันการจัดทำ BCG Pledge การจัดการประชุม Sustainable Future Forum ครั้งแรก เพื่อกระตุ้นธุรกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น 2.เปิดการค้าและการลงทุนอย่างเติบโตและรุ่งเรือง เอเปคสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดกฎเกณฑ์ โดยมีองค์การการค้าโลก( WTO )เป็นแกนกลาง เป็นกุญแจสำคัญ รวมถึงการมีส่วนร่วมไปสู่ผลลัพธ์ที่มีความหมายในการประชุมรัฐมนตรีครั้งต่อไป (the Thirteenth Ministerial Conference (MC13))
นายกฯ กล่าวว่า ไทยผลักดันความพยายามอย่างต่อเนื่องในเรื่องเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) เพื่อความก้าวหน้าในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค และ ไทยจะเร่งเจรจา FTA อื่นในเชิงรุก รวมทั้งยกระดับการเจรจาที่มีอยู่เพื่อรับมือกับความท้าทายทางการค้าที่จะเกิดขึ้นใหม่ 3. เสริมสร้างความเชื่อมโยง เพื่อเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น โดย ไทยกำลังเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์”(Landbridge )เชื่อมมหาสมุทรมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย และยังรวมทั้งยังได้อนุมัติวีซ่าฟรี ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสนับสนุนความต่อเนื่องของบัตรเดินทางสำหรับนักธุรกิจเอเปค (APEC Business Travel Card) ให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อสนับสนุน MSMEs และสตาร์ทอัพอีกด้วย ทั้งนี้ยินดีกับสหรัฐฯ ในการเป็นเจ้าภาพการประชุมที่เป็นประโยชน์ครั้งนี้ โดยไทยพร้อมร่วมประสานความร่วมมือกับเปรูเพื่อสานต่อความสำเร็จนี้ต่อไป
หลังจากนั้นนายกฯ หารือกับนางจีนา เอ็ม. เรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา ในห้วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ณ นครซานฟรานซิสโก นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีฯ สนับสนุนการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคของสหรัฐฯ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเรื่องนโยบายและพัฒนาการด้านเศรษฐกิจของไทยและสหรัฐฯ โดยย้ำถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก และสนใจส่งเสริมพัฒนาความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในฐานะหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ (reliable partner) ในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า และการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสีเขียว โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ย้ำความพร้อมที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมต่อไป
Advertisement