คุณหญิงสุดารัตน์ ชี้คนชนชั้นกลางเผชิญความสาหัสวิกฤตเศรษฐกิจ ยัน ดิจิทัล วอลเล็ตไม่ตอบโจทย์ เชื่อไม่เกิดพายุหมุน 4 ลูก คนแห่เทียบกับนโยบายลุงตู่
วันที่ 1 ส.ค. 67 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์ “อมรินทร์ทีวี ออนไลน์” วิเคราะห์ถึงปัญหาเศรษฐกิจว่า เรื่องนี้สาหัสมากสำหรับประชาชน ตั้งแต่ชนชั้นกลางลงไป โดยเฉพาะปัญหาปากท้อง รายได้ลดลงเกือบทุกครอบครัว ขณะที่รายจ่ายสูงขึ้น เรียกได้ว่าของแพงทั้งแผ่นดิน เพราะค่าไฟ ค่าน้ำมัน ที่รัฐบาลไม่สามารถทำได้ตามที่ได้หาเสียงไว้ รายได้ไม่พอรายจ่ายทำให้หนี้ครัวเรือนทะยานสูงขึ้น
อีกทั้งยังมีหนี้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยแสนโหด ยิ่งซ้ำเติม และเปรียบเสมือนงูกินหาง สิ่งที่เป็นอันตรายมาก เพราะหนี้สินเหล่านี้ทำให้มีหนี้เสียพุ่งสูงขึ้นจากปีที่แล้วแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะหนี้เสียที่การกู้ไปกินไปใช้ และหนี้เสียของการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ซึ่งนโยบายที่รัฐบาลออกมาไม่ตอบโจทย์
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า 1 ปีที่ผ่านมาสำหรับการทำงาน ไม่ได้ลงไปดูการแก้ไขปัญหาปากท้อง ไม่มีการสร้างงานสร้างรายได้ให้อย่างยั่งยืน รวมถึงไม่ไปดูต้นทุนการผลิตที่ทำให้ของแพงทั้งแผ่นดิน และไม่มีการเข้าไปแก้หนี้อย่างเป็นระบบ ซึ่งการแก้หนี้ที่ทำกันในขณะนี้ที่ผ่านมาเคยทำมาแล้วหลายรัฐบาล สิ่งที่ทำคือต้องปรับโครงสร้างแก้หนี้เติมทุน ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยพยายามผลักดันกองทุนเครดิตประชาชนเพื่อให้ประชาชนสามารถตั้งตัวได้และสามารถเข้าถึงเงินกู้ โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
”อย่างไรก็ตามสำหรับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้น และระยะยาว มองว่าสอบตก ส่วนการประเมินผลงานของรัฐบาลและตัวของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อยากให้ประชาชนเป็นคนประเมิน ซึ่งไม่อยากให้ถูกกล่าวหาว่าตนเป็นฝ่ายค้านที่มีอคติ และย้ำว่าการแก้ปัญหายังไม่ถูกจุด คนกำลังอดอยากกำลังจะอดตาย และหนี้ท่วมหัว มีนโยบายไหนบ้างที่แก้ไขได้และเห็นเป็นรูปธรรม ซึ่งขณะนี้กำลังเอาแต่เรื่องทุนใหญ่เข้ามา“
โดยไปหวังที่ “นโยบาย ดิจิทัล วอลเล็ต” ซึ่งนโยบายไม่ตอบโจทย์ หากนโยบายนี้ แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางและแจกเป็นเงินสด รับรองว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจจะดีขึ้นอย่างยั่งยืน แต่กลับแจกเป็น ดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งพูดง่ายๆ คือคูปองดิจิทัล ไม่ใช่ดิจิทัลมันนี่ และไม่ใช่บาทดิจิทัล ดังนั้นจะอ้างว่าเพื่อปลูกพื้นฐานไปสู่การใช้ดิจิทัลคงไม่ได้ แต่เป็นเพียงคูปองดิจิทัลเท่านั้นเอง และนำไปแลกของ ซึ่งเหตุใดจึงต้องกู้เป็นเงินบาท และเสียเงินค่าแลกเปลี่ยนจากเงินบาทเป็นคูปองดิจิทัล และจากคูปองดิจิทัล ไปเป็นเงินบาท ซึ่งตนมองว่าไม่ตอบโจทย์เนื่องจาก หากลองไปถามผู้เป็นรายย่อยที่รัฐบาลมุ่งหวังจะให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก ในอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ไม่สามารถใช้ได้จริง ซึ่งถามว่าเขารับหรือไม่ คงรับเพื่อแลกของเปลี่ยนของ เหมือนสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งต่างกันที่ พล.อ.ประยุทธ์แจกทุกเดือน แต่นโยบายของรัฐบาลในครั้งนี้แจกครั้งเดียว
และปัญหาสำคัญคือ ร้านค้ารายย่อยในอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน อาจไม่สามารถเข้าร่วมโครงการหรือรับ ดิจิทัล วอลเล็ตนี้ได้ เพราะเขาต้องการเงินสด เพื่อที่จะนำมาหมุนวันต่อวัน ดิจิทัลกว่าจะแลกเป็นเงินมีขั้นตอน และใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน จึงมีคำพูดที่พ่อค้าแม่ค้าสะท้อนมาว่าโครงการของ พล.อ.ประยุทธ์ดีกว่า เช่น โครงการคนละครึ่ง เมื่อขายของมาทั้งวันช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. จะมีเงินโอนเข้าแอปเป๋าตังค์ ซึ่งสามารถนำไปถอน และนำไปใช้จ่ายซื้อของเพื่อมาขายต่อได้
“ดังนั้นยืนยันว่านโยบาย ดิจิทัล วอลเล็ต คือสิ่งไม่ตอบโจทย์ สิ่งที่คาดหวังจะให้เป็นพายุหมุน 4 ลูก ซึ่งตนรับรองได้ว่าไม่มีทางเกิดขึ้นได้ แต่จะกลายเป็นพายุทอร์นาโดที่พัดด้านล่างราบคาบ และดูดขึ้นข้างบน ซึ่งตนมองว่านี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเกิดขึ้น และมองว่าดำเนินการแล้วไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้ยังได้หนี้สินของประชาชนทุกคนไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่ความมั่งคั่งของทุกๆ คน แต่ความมั่งคั่งจะขึ้นอยู่กับคนชั้นสูง แต่ความยากจนและหนี้สินจะอยู่กับประชาชนทุกคนต่อไป”
นอกจากนี้ยืนยันว่าการดำเนินนโยบาย ดิจิทัล วอลเล็ต ตนคัดค้าน ซึ่งไม่ใช่การค้านไม่ให้แจก แต่การแจกแบบนี้เป็นการกระทำได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งจะสร้างมรดกบาปคือหนี้สินไปชั่วลูกช่วยหลาน และการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะดีขึ้น 0.5 ในไตรมาสที่แจก และหมดไป หากจะแจกจริงขอให้แจกเฉพาะคนกลุ่มเปราะบางและให้เป็นเงินสด
Advertisement