Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ก้าวไกล​ ย้ำ​ 9 ข้อต่อสู้คดี "พิธา" มั่นใจไม่ถูกยุบพรรค

ก้าวไกล​ ย้ำ​ 9 ข้อต่อสู้คดี "พิธา" มั่นใจไม่ถูกยุบพรรค

2 ส.ค. 67
15:45 น.
|
190
แชร์

ก้าวไกล​ ย้ำ​ 9 ข้อต่อสู้คดียุบพรรค กางกฎหมายศาลรัฐธรรมนูญ​ไม่มีอำนาจ​ "พิธา" มั่นใจไม่ถูกยุบ เชื่อได้รับความเป็นธรรมเหมือน 14 ปีที่แล้ว

นายชัยธวัช ตุลาธน​ สส.บัญชี​รายชื่อ​ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล​ แถลง​ 9 ข้อต่อสู้ครั้งสุดท้าย​ ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล 7 สิงหาคม​ 2567 โดยร่ายยาวกว่า​ 1 ชั่วโมง

1722597892163

โดยนายชัยธวัช​ กล่าวถึงข้อต่อสู้​ ข้อที่​ 1. การพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลไม่มีอำนาจในการรับคำร้องไว้วินิจฉัย​ เนื่องจากมีเขตอำนาจเฉพาะ เท่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

1722598202945

การตีความเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญต้องตีความอย่างเคร่งครัด ในกรณีใดที่รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ให้เป็นอำนาจ พิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญศาลย่อมไม่มีอำนาจ​​ โดยรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 210 วรรค 1 บัญญัติไว้ว่า พิจารณาความชอบด้วยกฎหมายหรือเรื่องกฎหมาย พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับเรื่องอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภารัฐสภาคณะรัฐมนตรีหรือองค์กรอิสระ หน้าที่อำนาจตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีความแตกต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 ที่มีบทบัญญัติ ให้สามารถวินิจฉัยการยุบพรรค แม้ว่าพ.ร.ป.พรรคการเมืองปี 2560 จะให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคการเมือง เอกสารรัฐธรรมนูญธรรมวินิจฉัยที่ 5/2563 อนาคตใหม่ ไว้ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 ได้บัญญัติให้ศาลมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคดีที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญที่ไปขยายอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญเกินไปกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่สามารถนำคดียุบพรรคอนาคตใหม่มาเป็นบรรทัดฐานหรือเหตุผลที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องด้วยพรรคเข้าไปไว้พิจารณาวินิจฉัยได้

 

ข้อต่อสู้ข้อที่ 2. การยื่นคำร้องในคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การเสนอคดีของคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ​ กกต.​ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้การยุบพรรคก้าวไกล ตามมาตรา 96 วรรค 1 วงเล็บ 1 และ​วงเล็บ​ 2 มิชอบด้วยกฎหมาย​ เพราะเราไม่สามารถตีความได้ว่าการเสนอคำร้องตามมาตรา 92 แยกเป็นเอกเทศจากมาตรา 93 ได้​ และหากพิจารณาจากเอกสารจาก​กกต.​ เดิมทีก่อนเสนอคำร้องยุบพรรค นายทะเบียนพรรคการเมือง​ และสำนักงานได้ดำเนิน​การตามมาตรา​93 ประกอบมาตรา​ 92 อยู่​ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานตามกฎหมาย ให้ขยายระยะเวลาการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเนื่องจากเห็นว่ามีพยานหลักฐานที่เห็นว่าต้องรวบรวมอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อให้การพิจารณาปรากฏข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ถูกต้อง สมบูรณ์ชัดเจนและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งแสดงเห็นว่า​กกต มุ่งหมายยื่นคำร้องอยู่เพราะก้าวไกลโดยไม่สนใจต่อกระบวนการขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ ละเลยไม่รอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นเกี่ยวกับคำร้องก่อนเสนอคดี

 

ข้อต่อสู้ข้อที่ 3.คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 3/2567 ไม่มีผลผูกพันในการพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้ การเสนอคำร้องนี้ เป็นข้อหาที่แตกต่างจากข้อหาในคดีเดิม ในคดีที่ 3/2567 ที่สั่งพรรคก้าวไกลและนายพิธา ลิ้ม​เจริญ​รัตน์​ สส.บัญชี​รายชื่อ​เลิกการกระทำ โดยเป็นข้อหาที่ต่างไปจากคดีเดิม​ แต่​ กกต.กลับไม่แสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานใดๆ และไม่เปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลได้รับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงโต้แย้งในพยานหลักฐาน ซึ่งถือเป็นกระบวนการยุติธรรม คดีทุกประเภท

แม้ว่าชั้นการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลจะรับฟังคู่ความทุกฝ่ายแล้วก็ตาม แต่การรับฟังคู่ความทุกข์ฝ่ายของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นเหตุยกเว้น ที่จะทำให้การเสนอคดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายกลายเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย

ซึ่งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ไม่มีผลผูกพันคดีนี้ โดย​ กกต.อ้างว่า​การเสนอคำร้องยุบพรรคก้าวไกล​ เป็นไปตามคำวินิจฉัย​ของ​ศาลที่ ​3 /2567 โดยปราศจากข้อสงสัย มีผลผูกพันต่อรัฐสภา​ คณะรัฐมนตรี​ ศาล​ องค์กรอิสระและหน่วยงานของรัฐ แต่ก้าวไกล​ ยืนยันว่าหากพิจารณาหลักความเป็นที่สุดของคำพิพากษา ทั้งความเป็นที่สุดในมูลเหตุการฟ้องคดี และข้อเท็จจริงที่วินิจฉัย ย่อมประจักษ์ชัดว่าสารในคดีนี้ไม่อาจรับนำการรับฟังข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 มาผูกพันในการพิจารณาคดียุบพรรคนี้ได้​ หากพิจารณาตามหลักความเป็นที่สุดของมูลเหตุในการฟ้องคดี โดยคดีแรกเป็นคดีที่วินิจฉัยตามบทบัญญัติมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจแก่ศาลรัฐธรรมนูญ​ในการวินิจฉัยว่าการกระทำใดเป็นการใช้สิทธิโดยเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่ แล้วกำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ผู้กระทำการนั้นยกเลิกการกระทำเสีย ซึ่งศาลก็สั่งให้นายพิธา​ และพรรคก้าวไกล​ ยกเลิกการกระทำ​ ในการแสดงความคิดเห็น​ ​การพูด​ การเขียน​ การพิมม์​ การโฆษณาและการสื่อความหมายด้วยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และห้ามเสนอแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการนิติบัญญัติโดยมิชอบอีก แต่ข้อกล่าวหาของ กกต.​ว่า​พรรคก้าวไกลทำการล้มล้างการปกครองหรือมีการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข​ ตาม​ พ.ร.ป.ประกอบพรรคการเมืองมาตรา 92 มีโทษถึงยุบพรรค​ จึงไม่สามารถให้เอาคำวินิจฉัยคดีก่อนหน้านี้​มาผูกพันวินิจฉัยคดีนี้ได้​ แต่ต้องมีความพิสูจน์​ที่เข้มข้นกว่า​ นอกจากนี้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ​จะต้องมีผลผูกพันคู่ความในคดีเป็นสำคัญ​ แต่ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 กกต.ไม่ได้เป็นคู่ความในคดี​ ตามคำวินิจฉัยดังกล่าว

 

ข้อต่อสู้ข้อที่ 4. นอกจากการเสนอนโยบายแก้ไขมาตรา 112 แล้วการกระทำอื่นๆตามคำร้องมีได้เป็นการกระทำของพรรคก้าวไกล​ เพราะการกระทำใดจะเป็นการกระทำของพรรคการเมืองได้ต้องเป็นการกระทำของพรรค โดยมติของคณะกรรมการบริหารพรรค หรือเป็นการกระทำที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดแจ้ง​ จะถือว่าการกระทำของบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการกระทำของพรรคมิได้​ ทั้ง​ กรณีที่​ สส.ไปปรากฏตัวในที่ชุมนุม​ การไปประกันตัวให้กับจำเลยในคดีมาตรา 112 หรือตกเป็นจำเลยในคดีมาตรา 112 รวมไปถึงการแสดงความคิดเห็นของสมาชิกพรรคให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 เหล่านั้นล้วนไม่ใช่การกระทำของพรรค​ ข้อเท็จจริงตามเอกสารไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่าบุคคลต่างๆที่ได้กระทำการไปนั้น ทำไปโดยที่มีพรรคก้าวไกล​เป็นผู้สั่งการหรือวงการแต่อย่างใด อีกทั้งความเห็นของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจึงเป็นเพียงพยานบอกเล่า ที่ศาลไม่อาจรับฟังได้​

 

ข้อต่อสู้ข้อที่​ 5.การกระทำที่กกต.กล่าวหามิได้เป็นการกระทำที่ล้มล้างการปกครอง หรือเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง โดยการที่ สส.เข้าชื่อแก้กฎหมายตามมาตรา​ 112 ว่าไม่ได้เป็นการใช้กำลังบังคับ หรือการกระทำใช้ความรุนแรงเพื่อให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยหรือมิได้เป็นการใช้อำนาจเพื่อแก้ไข เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นการใช้อำนาจนิติบัญญัติ ตามรัฐธรรมนูญในการเสนอร่างกฎหมายให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา ซึ่งเป็นการกระทำการผ่านกระบวนการนิติบัญญัติโดยชอบ และยืนยันว่าชอบด้วยกฎหมาย ก่อนจะยกตัวอย่างว่าในสมัยนายอภิสิทธิ์​ เวชชาชีวะ​ เป็นนายกรัฐมนตรีก็เคยมีการเสนอแก้ไขลดโทษในคดีมาตรา 112​ และอีกกรณีคือนายอุดม​ รัฐอมฤต

 

ข้อต่อสู้ข้อที่​ 6. ศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรยุบพรรคก้าวไกล แม้ศาลรัฐธรรมนูญ จะเห็นว่าพูดถูกร้องจะใช้สิทธิและเสรีภาพในการลบล้าง การปกครองก็สามารถยับยั้ง​ โดยจะต้องปรากฏพยานหลักฐานที่เป็นรูปประธรรมมีน้ำหนักเพียงพอที่จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าการกระทำที่ถูกกล่าวหาว่าล้มล้างการปกครองหรืออาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ โดยใกล้เคียงต่อผล ถึงขนาดจำเป็นต้องยุบพรรคนั้นเสีย​ การกระทำของพรรคก้าวไกลยังไม่รุนแรงในทางกฎหมายรวมไปถึงมีเหตุสมควรเพียงพออันจะเป็นการยุบพรรค เมื่อศาลสั่งให้พรรคยกเลิกการกระทำดังกล่าวตามคำสั่งที่ 3/67

 

ข้อต่อสู้ข้อที่ข้อ​ 7.แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งยุบพรรค ก็ไม่มีอำนาจกำหนดระยะเวลาการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคแต่อย่างใด หาก​ศาลรัฐธรรมนูญ​มีอำนาจยุบพรรคก้าวไกล​ แต่ไม่มีสิทธิตัดสิทธิการเลือกตั้ง​ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูภญไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม​ กระทบต่อศักดิ์​ศรีความเป็นมนุษย์​ และต้องสมควรแก่เหตุ​ และการกำจัดสิทธิตาม​รัฐธรรมนูญ​จะกระทำได้ต่อเมื่ออาศัยอำนาจทึ่ออกโดยนิติบัญญัติ​เท่านั้น​

 

ข้อต่อสู้ข้อที่ 8.การกำหนดระยะเวลาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคต้องพอสมควรแก่เหตุ หากศาลเห็นว่ายุบพรรคก้าวไกล ระยะเวลาการเพิกถอนสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ต้องอยู่บนหลักความพอสมควรแก่เหตุ เมื่อพิจารณาจาก พ.ร.ป.พรรคการเมืองปี 2550 ในกรณีที่มีคำสั่งยุบพรรค กำหนดไว้ว่า 5 ปี ดังนั้น ครั้งนี้ ก็ไม่เกิน 5 ปี ไม่ใช่ 10 ปีตามที่ กกต.ร้องขอ

1722598022258

ข้อต่อสู้ข้อที่ข้อ​ 9.การเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ต้องเพิกถอนเฉพาะของกรรมการบริหารพรรคที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ซึ่งในคดีนี้หากพิจารณาข้อเท็จจริงจะพบว่าการกระทำของพรรคก้าวไกล​ ที่กกตยื่นคำร้องเป็นการกระทำของพรรค ในช่วงเวลาที่กรรมการบริหารพรรคก้าวไกลชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ดำรงตำแหน่งอยู่เท่านั้น ดังนั้นหากศาลเห็นว่าผิด ต้องเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคในชุดที่ 1 และ 2 เท่านั้นไม่รวมกรรมการบริหารพรรคที่ดำรงตำแหน่งในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ขณะที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ปฏิเสธที่จะประเมินสถานการณ์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญล่วงหน้า เพราะไม่อยากก้าวล่วงอำนาจของศาล แต่มั่นใจในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายของพรรคก้าวไกลและมั่นใจเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ถูกยุบ ได้รับความยุติธรรมเหมือนกับพรรคการเมืองหนึ่งที่เคยได้รับเมื่อ 14 ปีแล้ว รวมถึงมาตรฐานการพิจารณาจะเป็นไปตามหลักสากล ยิ่งจะมีการประชุมศาลรัฐธรรมนูญระดับเอเชียในประเทศไทย ก็ยิ่งทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น โดยไม่กังวลว่าศาลจะใช้เหตุผลทางการเมืองในการวินิจฉัยคดี แต่จะตัดสินตามตามความจริงและข้อกฎหมายเท่านั้น

1722598151711

ส่วนแนวทางหลังคำนิวิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีที่เป็นโทษกับพรรคก้าวไกลนั้น นายพิธา ยอมรับว่ามีคิดเอาไว้ แต่ยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้โฟกัสในการใช้เวลาในการทำหน้าที่ ผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ โดยในวันพุธตอนเช้าส่วนตัวมีคิวที่จะอภิปราย พ.ร.บ.ขนส่งสาธารณะ ซึ่งจะทำหน้าที่อย่างมีสมาธิ อย่างที่ประชาชน 14 ล้านเสียงได้เคยเลือกมา ไม่รู้สึกเสียสมาธิหรือเห็นว่าจะต้องทำอะไรเป็นพิเศษ

ไม่สามารถคาดเดาแทนประชาชนได้ แต่หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี หวังว่าการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างการชุมนุมของประชาชนสามารถทำได้โดยไม่มีความรุนแรง และพรรคก้าวไกลจะไม่มีส่วนร่วมกับสิ่งที่ทำให้เกิดความรุนแรง เพื่อประโยชน์ของพรรคก้าวไกลอย่างแน่นอน

ซึ่งกิจกรรมในวันที่ 7 สิงหาคมที่จะถึงนี้ มีการเปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้ จนหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการปลุกมวลชนเหล่านั้น นายพิธา กล่าวว่าไม่ใช่การปลุกมวลชน แต่พรรคก้าวไกลเป็นสถาบันการเมืองที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมมาโดยตลอด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสมาชิกพรรค หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคตลอดจนภาษาของพรรค ก็มีสิทธิ์ในการร่วมรับฟังเขาไม่ได้ใช้ด้วยกันที่พรรค ส่วนตัวเองจะเข้าไปประชุมสภาเพื่อทำหน้าที่ในการอภิปราย พ.ร.บ.ขนส่งมวลชนก่อน

1722597927649

ส่วนกระแสข่าวว่าทางพรรคก้าวไกลมีการดีลพักสำรองไว้โดยล่าสุดคือพรรคถิ่นกาขาวนั้น นายพิธา กล่าวว่ายังไม่ได้คิดถึงตรงนั้นเพราะตอนนี้เขาโฟกัสกับการสู้คดียุบพรรค แต่เมื่อถึงเวลาคงจะมีการพูดคุยเรื่องนี้ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีมติใดๆ และหากคำตัดสินไม่เป็นคุณ ส่วนตัวก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคใหม่แล้ว และพรรคการเมืองทั่วไปก็จะมีกฎเกณฑ์ในการเรียกประชุมพรรคและสส.เพื่อดำเนินการต่างๆตามขั้นตอน ซึ่งตนก็ไม่สามารถตอบแทนได้ แต่นายพิธา ยืนยันว่าสมาชิกพรรค ยังคงมีความเป็นปึกแผ่น ไม่ได้แตกอย่างที่เป็นกระแสข่าว ในกลุ่มแชตไลน์ยังคงมีการพูดคุย เรื่องกฎหมายในการเสนอวาระ และการตรวจสอบรัฐบาลเหมือนเดิมไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง.

Advertisement

แชร์
ก้าวไกล​ ย้ำ​ 9 ข้อต่อสู้คดี "พิธา" มั่นใจไม่ถูกยุบพรรค