มติ ปชป.ร่วมรัฐบาล หลังถกเครียดกว่า 5 ชั่วโมง เฉลิมชัย-เดชอิศม์ พร้อมเป็นรัฐมนตรี มั่นใจคุณสมบัติตัวเอง ไม่มีเตรียมรายชื่อสำรอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ และการประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์และ สส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยเริ่มประชุมตั้งแต่เวลา 17.00 น. วันที่ 29 ส.ค. 67 ซึ่งใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง
ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคฯ มีมติเอกฉันท์มาก่อนหน้านี้ว่าให้ร่วมรัฐบาล พร้อมเสนอชื่อนาย เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ให้เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และนาย เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ให้เป็น รมช.สาธารณสุข ตามโควตาที่เพื่อไทยจัดให้ โดยมีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง ทั้งสนับสนุนว่า เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อ และเร่งสร้างผลงานกอบกู้พรรค เชื่อว่าจะเป็นโอกาสที่จะทำให้พักฟื้นขึ้นได้
ขณะที่ฝ่ายคัดค้านให้เหตุผลว่าพรรคต่อสู้กับระบอบทักษิณ ที่มีการเลือกปฎิบัติ แบ่งแยกประชาชน มีการทุจริตคอรัปชั่น เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องและกลุ่ม สร้างความเสียหายให้ประเทศถึงขั้นต้องหนีออกนอกประเทศ และปัจจุบันระบอบนี้ก็ยังอยู่ ซึ่งการจะเข้าร่วมถือเป็นการละทิ้งอุดมการของพรรค และการละเลยฐานเสียงสนับสนุนพรรคจะทำให้ฐานเสียงผู้สนับสนุนพรรคน้อยลง เสมือนทำการเมืองแบบไม่รับผิดชอบ
ทั้งนี้มีมติ 43 เสียง ให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล และเสนอบุคคลทั้ง 2 ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลเพื่อไทยต่อไป
ขณะที่คนที่ไม่เห็นด้วยมีจำนวน 4 เสียง ประกอบด้วย นายชวน หลีกภัย , นายบัญญัติบรรทัดฐาน , นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ นายสรรเพชญ บุญญามณี , งดออกเสียง 2
นายเฉลิมชัย ยืนยันว่าการดำเนินกิจกรรมทุกอย่างของพรรคประชาธิปัตย์ มั่นใจว่าดำเนินตามข้อบังคับทุกประการ และวันนี้ก็ได้รับฟังความคิดเห็นหลากหลายจากทุกคนในพรรคประชาธิปัตย์เป็นการพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล และจะนำไปเป็นข้อคิดและแนวทางในการปฏิบัติในวันข้างหน้า
ส่วนผลที่ตามมานั้นก็มีการพูดคุยกันในทุกมิติตั้งแต่ผู้ใหญ่กรรมการบริหารพรรคตัวแทนจังหวัด สส.เก่า และ สส.ใหม่ มีการแลกเปลี่ยนกันหลากหลายแนวทาง สรุปสุดท้ายทุกคนก็เคารพการลงมติพรรค
พร้อมระบุว่า เชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีวินัย แม้มีความคิดเห็นที่แตกต่างแต่เมื่อทุกอย่างจบลงด้วยมติของพรรคทุกคนก็พร้อมปฎิบัติตาม
ส่วนความกังวลต่อคุณสมบัติของตนเอง และนายเดชอิศม์นั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่าเป็นเรื่องใหม่ของการเมือง แต่อย่างไรก็ตามก็อยู่ที่คณะกรรมการตรวจสอบและเป็นอำนาจหน้าที่ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตรในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่ในส่วนตัวก็เชื่อมั่นในตัวเอง พร้อมระบุว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีการวางตัวบุคคลสำรองไว้หากคุณสมบัติไม่ผ่าน
Advertisement