วันที่ 2 ม.ค. 68 นาย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการสรรหาประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ภายหลังนาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ได้รับการคัดเลือกขาดคุณสมบัติว่า จะต้องมีการสอบถามคณะกรรมการสรรหาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เนื่องจากเป็นผู้สรรหาตามระเบียบว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปได้บ้าง
ขณะที่การรักษาการของนายปรเมธี วิมลศิริ อดีตประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย จะสิ้นสุดรักษาการกลางเดือน ม.ค.นี้ นายพิชัย กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนายปรเมธีว่าจะลาออกหรือไม่ หากไม่ลาออกก็สามารถรักษาการต่อได้ แต่หากลาออกก็ต้องรีบดำเนินการสรรหา โดยการสรรหาครั้งนี้จะดำเนินการให้เร็วกว่าเดิม เนื่องจาก เห็นแล้วว่ามีคุณสมบัติอย่างไร ส่วนจะเสนอชื่อบุคคลที่เคยเสนอก่อนหน้านี้หรือไม่ ก็ขอพิจารณาก่อน ให้เป็นไปตามระเบียบ
นายพิชัย กล่าวถึง กรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้พิจารณางบประมาณประจำปี 2569 ในวันพรุ่งนี้ (3 ม.ค.) ว่า พรุ่งนี้จะได้ทราบว่า การพิจารณางบประมาณจะเป็นไปในทิศทางใด ส่วนปี 2569 จะต้องลดการขาดดุลงบประมาณลงหรือไม่นั้น เห็นว่าจะต้องทำในสองด้าน 1. ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจเติบโต ซึ่งจำเป็นจะต้องต้องใช้งบและ 2. จะต้องทำให้โครงสร้างทางการเงินของประเทศเข้มแข็ง
ส่วนในปี 2568 นายกรัฐมนตรีว่าเป็นโอกาสทอง และเศรษฐกิจจะฟื้นตัว นายพิชัย กล่าวว่า หากความเชื่อมั่นเข้ามาตามลำดับเหมือนที่เป็นเช่นนี้ ส่วนตัวคิดว่าสถาบันการเงินเมื่อมองภาพเดียวกับรัฐบาลก็จะเป็นโอกาสของธนาคาร ที่จะเริ่มปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น จำเป็นจะต้องมีนโยบายการเงินมาช่วยในปี 2568 หรือไม่ เรื่องนี้เห็นว่า เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา หากคิดว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ก็อาจจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ย แต่หากคิดว่า เศรษฐกิจฟื้นเร็วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งอยู่ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินที่จะพิจารณา เพราะมีการประชุมกันบ่อยอยู่แล้ว และหลังปีใหม่นี้ เมื่อมีเหตุการณ์เปลี่ยนตนเองกำลังจะสรุปภาพรวมทั้งหมดด้านเศรษฐกิจเพื่อพูดคุยกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อดูทิศทางเศรษฐกิจของประเทศที่ขยับตัวด้านใดได้บ้าง พร้อมกับดูในเรื่องของงบประมาณ จะจัดทัพอย่างไรต่อไป
ขณะที่นายพิชัย ไม่ตอบคำถาม ว่าในวันที่ 29 ม.ค.นี้ จะกดปุ่มแจกเงิน 10,000 บาทให้กับกลุ่มผู้สูงอายุได้หรือไม่
Advertisement