วันที่ 6 ม.ค. 68 ที่รัฐสภา นาง อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์กรณีนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายกอบจ.เชียงราย ซึ่งได้พูดพาดพิงคนแอฟริกันในลักษณะเหยียดเชื้อชาติว่า นายทักษิณเอง ก็เคยเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หรือสนับสนุนพรรคใหญ่ และมีลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี การที่พูดในลักษณะที่เป็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ สีผิว ถือเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกติการะหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ในทางสิทธิมนุษยชน การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งสีผิว หรือเชื้อชาติ ถือเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องสำคัญมาก อยากให้คุณทักษิณออกมาขอโทษ ในสิ่งที่ได้พูดไป ในบ้านเราเองก็ไม่ได้มีคนที่มีสีผิวเหมือนกันหมด ตรงนี้เป็นหลักการขั้นพื้นฐานมากๆ ซึ่งหวังว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปและหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก เพราะรัฐบาลไทยไปสมัครเป็นสมาชิกมนตรีสิทธิมนุษชนแห่งสหชาติ ได้ให้คำมั่นไว้เยอะมากโดยเฉพาะเรื่องของธรรมาภิบาล ของสิทธิมนุษยชน เรื่องของการขจัดการเลือกปฏิบัติ”
เมื่อถามว่า เรื่องนี้สะท้อนอะไรไปยังนายทักษิณ นางอังคณา กล่าวว่า นายทักษิณคงคิดว่าจะพูดอะไรก็พูดได้ และก็ไม่ระมัดระวังปาก คนที่ผ่านชีวิตช่วงที่นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีจะทราบว่านายทักษิณเป็นคนปากเร็ว พูดเร็ว และไม่กังวลผลกระทบว่าจะเป็นอย่างไร แต่เรื่องของหลักการขั้นพื้นฐาน นายทักษิณต้องระวังให้มากขึ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องของการเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดให้คำมั่นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่คนมี่อยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองที่นายรัฐมนตรีสังกัดอยู่ กลับพูดอีกแบบหนึ่ง วันนี้ก็ยังไม่ทราบเลยว่าตำแหน่งของนายทักษิณ จริงๆ แล้วเกี่ยวข้องยังไงกับนายกรัฐมนตรี แต่ที่แน่ๆ นายทักษิณเป็นผู้มีอิทธิพลในพรรคเพื่อไทยอยู่ ดังนั้นก็ยึดโยงกันโดยที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
ส่วนที่นายทักษิณไม่มีตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ที่ไทยเป็นสมาชิกหรือไม่นั้น นางอังคณา ระบุว่า ในทางนิตินัยนายทักษิณไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่ในทางพฤตินัยเราก็ได้ยินคำว่าพ่อคิดลูกทำ และเราก็เห็นวิธีปฏิบัติ ที่นายทักษิณมีอิทธิพลต่อพรรคเพื่อไทย ถึงแม้ในทางกฏหมายนายทักษิณจะปฏิเสธว่าไม่มีตำแหน่งใดๆ แต่ในทางพฤตินัย ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเป็นผู้ที่มีบทบาท และมีอิทธิพลอย่างมากในพรรคเพื่อไทย
“คุณทักษิณพูดหาเสียงเป็นสิทธิ แต่ไม่สามารถพูดอย่างไรก็ได้ เนื่องจากต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ด้อยค่าหรือลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แม้กรณีดังกล่าวอาจไม่ทำให้เกิดขัดแย้ง เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้ แต่เพื่อเป็นการป้องกันคุณทักษิณควรออกมาขอโทษ” นางอังคณา กล่าว
นางอังคณา ย้ำว่า วันนี้เรื่องสิทธิมนุษยชนไม่มีพรมแดน ในประเทศไทยก็มีคนหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ได้มีสีผิวเหมือนกันทุกคน นายทักษิณก็เคยเป็นผู้ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ น่าจะเข้าใจในประเด็นนี้ นายทักษิณควรออกมาขอโทษ
“ท่านนายกรัฐมนตรีเองก็ควรที่จะเตือนคุณพ่อด้วยว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ในฐานะที่ออกมาพูดในนามตัวแทนพรรคของรัฐบาล” นางอังคณา กล่าว
Advertisement