วันที่ 15 ม.ค.68 จากกรณีคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา ที่มี ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี อดีตกรรมการแพทยสภา เป็นประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนฯ ได้ส่งหนังสือถึงแพทย์ใหญ่โรงพยาบาล (รพ.) ตำรวจ เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2567 ให้ รพ.ตำรวจและคณะแพทย์ที่รักษาอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ต้องขัง 3 คดีทุจริตในขณะนั้น ตลอดช่วง 6 เดือนที่พักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ นั้น วันนี้ถือเป็นเส้นตายที่ทาง รพ.ตำรวจส่งเวชระเบียนมายังแพทยสภา
โดยล่าสุดวันนี้ ทางกลุ่มเคลื่อนไหว ประกอบด้วยกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) กองทัพธรรมเดินทางไปยื่นหนังสือและให้กำลังใจแพทยสภาในการเฝ้ารอเวชระเบียนการรักษาตัวนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ บริเวณด้านหน้าอาคารมหิตลาธิเบศร ซอยสาธารณสุข 8 กระทรวงสาธารณสุข
ด้านนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากที่ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 มกราคม 2568) ได้ยื่นหนังสือทวงถามผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงการส่งเวชระเบียนของนายทักษิณมาหรือไม่ ซึ่งทางแพทยสภาได้กำหนดว่า ให้โรงพยาบาลตำรวจส่งข้อมูลการรักษาตัว ของนายทักษิณภายในวันนี้ ซึ่งเราเดินทางมาวันนี้เพื่อให้กำลังใจแพทยสภาในการเดินหน้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงกรณีที่นายทักษิณอ้างว่า มีการป่วยวิกฤติตลอด 180 วัน เพื่อพิสูจน์ว่า เป็นการป่วยทิพย์หรือไม่ ซึ่งวันนี้แพทยสภา คือ ทางออกของประเทศเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้สังคมได้อย่างชัดเจน และฉีดยาความจริงให้กับสังคม เป็นเวชระเบียนที่ต้องรักษากระบวนการยุติธรรม
อีกทั้งยังห่วงว่า จะมีกระบวนการทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงแพทยสภา หวั่นว่าจะเป็นองค์กรที่ฟอกความผิดให้กับนายทักษิณ ซึ่งจะถือเป็นตราบาป แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ด้วยจรรยาบรรณและวิชาชีพของแพทย์ แพทย์จะรักษาจรรยาบรรณจนถึงที่สุด คือ การพิสูจน์ความจริงให้สังคมได้รับทราบว่า มีคณะแพทย์ชุดหนึ่งได้ปกปิดอาการป่วยของนายทักษิณหรือไม่ โดยเฉพาะแพทย์ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่วินิจฉัยว่า นายทักษิณป่วยวิกฤติตั้งแต่วันแรก รวมทั้งแพทย์ที่โรงพยาบาลตำรวจที่รักษานายทักษิณ 180 วัน
นายพิชิต กล่าวว่า หากทางโรงพยาบาลตำรวจยังไม่ส่งข้อมูลเวชระเบียนมาให้แพทยสภา ในวันที่ 21 มกราคม เวลา 10.30 น. จะเดินทางไป ทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถามนายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ โดยจะไม่ได้มีแค่ กลุ่ม คปท. ศปปส. และ กองทัพธรรม เท่านั้น แต่จะรวมถึงอดีตแกนนำพันธมิตร อดีตแกนนำ กปปส. พร้อมย้ำว่า รัฐบาลต้องทำหน้าที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ได้ ต้องสั่งให้โรงพยาบาลตไรวจนำเวชระเบียนไปให้ ป.ป.ช. และแพทยสภา เมื่อความจริงกระจ่าง รัฐบาลต้องยึดมั่นในกฎหมาย นำนายทักษิณกลับเข้าเรือนจำทันที
ด้านตัวแทนของแพทยสภา กล่าวว่า ขอบคุณกำลังใจที่ได้นำมามอบให้ พร้อมตั้งข้อสังเกตให้กับแพทยสภาในครั้งนี้ ซึ่งแพทยสภาเป็นองค์กรวิชาชีพ ไม่ได้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข และขอยืนยันว่า เราไม่มีการเมืองแทรกแซง ดำเนินการไปตามกฎหมาย ซึ่งเบื้องต้นจะมี 2 ส่วน ส่วนแรกทางคณะอนุกรรมการหากพิจารณาเห็นข้อมูลครบถ้วน ก็ตัดสินได้เลย หรือ ส่วนที่ 2 อาจจะมีการเชิญบุคคลเข้ามาให้การก็เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการ
Advertisement