ที่อาคารรัฐสภา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการเดินทางไปเยี่ยมเยือนชาวอุยกูร์ที่ส่งกลับจีน โดยยืนยันว่าในการตัดสินใจ ส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศได้ยึดหลักความถูกต้อง ตามกฎหมายไทย และหลักสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ
ซึ่งเราได้นำพระราชบัญญัติป้องกันการปราบปรามการซ้อมทรมานหรือการบังคับบุคคลสูญหาย มาพิจารณาร่วมด้วย และการเดินทางไปของคณะก็ถือเป็นการเยี่ยมเยือน แต่ในบทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เราไปดูเพราะมีคนสงสัย ว่าการส่งกลับไปเป็นการทรมานหรือไม่
"ชาวอุยกูร์อยู่ในหลายเมืองเฉลี่ยกันไป และการเดินทางต้องใช้เวลา ดังนั้น คณะจึงไปดูเท่าที่ดูได้ ซึ่งรัฐบาลจีน เราอยากดูที่ไหนก็ให้ไปดู ส่วนในเรื่องที่บอกว่าส่งไปอยู่ในสภาพที่บังคับ สิ่งนี้ไม่ปรากฏให้เห็น
และสิ่งที่คณะรัฐมนตรีและสื่อมวลชนได้เห็น ก็เพราะเขาเปิดกว้าง และให้เราถามอย่างเสรีทาง ทางจีนเพียงจัดล่ามภาษาอุยกูร์และภาษาจีนให้กับเราเท่านั้น สิ่งที่ไป จึงยืนยัน ว่า เราทำถูกตามหลักกฎหมายไทยและหลัก สิทธิมนุษยชน"พ.ต.อ.ทวีกล่าว
เมื่อถามว่า เจอเพียงบางคน จะสามารถตอบว่าทุกคนที่ถูกส่งกลับไปปลอดภัยได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เขาเป็นประเทศอธิปไตยและเขาเปิดโอกาสให้เราได้เข้าไป เยี่ยมเยือนไปตรวจสอบ และเขาก็รับปากว่าหลังจากนี้จะให้รัฐมนตรีต่างประเทศและคณะเข้าไปดู และประเทศจีนเป็นประเทศที่อยู่ในสหประชาชาติเมื่อเขารับรอง ก็เป็นส่วนที่สามารถเชื่อมั่นได้
เมื่อถามว่า บางคนยังกางขา เราจะชี้แจงอย่างไร พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราคงชี้แจงให้เห็นว่าเราทำไปตามหลักสิทธิมนุษยชน แล้วตนก็ได้ถามกับตำรวจ ก่อนจะส่งเขาก็เซ็นสมัครใจไปทุกคน อันนี้ก็ครบทุกประเด็นแล้ว เราอยากจะฝากทุกคนว่าเราอาจจะมีความขัดแย้ง
แต่ในรัฐธรรมนูญ สส.ก็ดี สว.ก็ดี ต้องเป็นตัวแทนของประชาชนแล้วคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ บางครั้งการนำเรื่อง ความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยตัวเองอาจจะมีความเชื่อแบบหนึ่ง ก็พูดได้แต่อยากให้ตรวจสอบความเป็นจริง ซึ่งเท่าที่เราไปดูทุกคนก็ยิ้มแย้ม ที่สำคัญคือ คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ ทุกคนพยายามจะโผเข้ากอดตน ที่เอาลูกเขามาคืน ส่วนลูกก็ดีใจ และมีคนหนึ่งที่มีลูก ลูกเขาโตแล้ว เขาก็ดีใจที่พ่อเขากลับมา และเราก็ได้ยืนยันแค่ว่าเราเคารพสิทธิ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด
เมื่อถามว่า สิ่งที่เราไปดูมันจะทำให้นานาชาติเชื่อมั่นไทยได้มากน้อยแค่ไหน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อยากให้แยกให้ออกทั้ง EU และสหรัฐ ในเรื่องการค้า เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำความเข้าใจ ไม่ได้เราคงเอามาเทียบกับความยิ่งใหญ่ของความยุติธรรมไม่ได้ความยุติธรรมไม่ว่าคนตัวเล็กตัวน้อย หรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เราต้องให้คุณค่า
ส่วนเรื่องที่บางประเทศไม่เข้าใจนั้นทาง กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเป็นผู้ชี้แจง แต่ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมยืนยัน ว่า เราได้ทำตามกฎหมาย และเห็นว่ามนุษย์ทุกคนมีคุณค่ามีความสำคัญ มีศักดิ์ศรี
"วันนี้เหมือนให้เขาไปมีชีวิตใหม่ที่เขาอยู่ในห้องกักขังในประเทศไทยมา 11 ปี และในห้อง มีพันกว่าคน จึงไม่อยากให้คำว่าสิทธิมนุษยชนหายไปแต่เอาความสะใจหรือ สร้างความเกลียดชังมาพูดซึ่งเป็นสิ่งไม่ดี เพราะรัฐบาลไทยนึกถึง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประโยชน์ของประเทศชาติ และประโยชน์ ของส่วนรวม"พ.ต.อ.ทวีกล่าว
ส่วนที่นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม ตั้งข้อสังเกตเรื่องภาพผู้หญิงชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชาวมุสลิมมาโผกอดผู้ชายได้อย่างไร เป็นพ.ต.อ.ทวี ย้อนถามว่าคุณกัณวีร์ เป็นมุสลิมหรือเปล่า เพราะที่เราไปเห็นมัสยิดอีหม่าม อายุกว่า 500 ปี และมุสลิมในจีนส่วนใหญ่ไม่สวมฮิญาบกันน้อย
ซึ่งการที่มาโผกอดเหมือนผู้ใหญ่ผู้น้อยไม่มีอะไรต้องสงสัย ต้องถามสื่อที่ไปดีกว่า และแต่ละพื้นที่ก็มีอัตลักษณ์ของเขา อย่างประเทศไทย มุสลิมช่วงหลังๆก็คลุมฮิญาบ แต่บางประเทศที่เป็นประเทศมุสลิมก็ไม่ได้คลุมฮิญาบ ส่วนการที่เข้ามาสวมกอดผู้ชายนั้น เราก็ป้องกันเต็มที่แล้วแต่เขาต้องการเข้ามาแสดงความรู้สึกและร้องไห้
Advertisement