วันที่ 25 มี.ค. 68 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กับคณะจำนวน 165 คน เป็นผู้เสนอ เป็นวันที่สอง โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม
เริ่มที่ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า นายกฯ ไม่มีคุณสมบัติผู้นำประเทศ ขาดความรู้ความสามารถ วุฒิภาวะผู้นำ และไม่มีเจตจำนงรับใช้ประชาชน ซึ่งวันนี้ประเทศไทยเต็มไปด้วยความท้าทายมีโจทย์ มียากที่พวกเราต้องทำให้สำเร็จ ทั้งเศรษฐกิจ จีนเทา คอร์รัปชัน และไม่แปลกว่าวันนี้พี่น้องเฝ้ารอการแก้ไขปัญหาจากนายกฯอย่างจริงจัง แต่เรากลับมีนายกฯ ที่ไม่มีคุณสมบัติของผู้นำประเทศไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีวุฒิภาวะ และไม่มีเจตจำนงที่รับใช้ประชาชน ที่จะนำพาประเทศไปสู่ข้างหน้าได้เลย น.ส.แพทองธาร คือนายกฯ ที่อยู่ในตำแหน่งแต่กลับลอยตัวเหนือปัญหา คนเป็นผู้นำต้องมีความรู้ เพื่อนำไปสู่ตัดสินใจที่แม่นยำเผชิญปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องมีวุฒิภาวะ และต้องมีเจตจำนงที่รับใช้ประชาชน ซึ่งคนที่เป็นผู้นำต้องมีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ถ้าขาดตรงนี้การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว
น.ส.ภคมน กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ไม่มีคุณสมบัติของการเป็นผู้นำประเทศ ซึ่งในขณะที่สังคมกำลังตื่นตระหนกกับข่าวสารที่ไม่ชัดเจน คนที่ควรจะมาให้ความชัดเจนกับสังคมคือนายกฯ แล้วตนคิดว่าสิ่งหนึ่งที่นายกฯ ไม่มีคือภาวะในการดำรงตำแหน่งนายกฯ ทุกคนรู้ว่าน.ส.แพทองธาร ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ แต่เรื่องพื้นฐานทั่วไปการสื่อสารเพื่อระงับความสับสนและความสบายใจ ให้ความกระจ่างกับประชาชนที่กำลังกังวลเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่น และไม่ใช่หน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญที่ไหน แต่เป็นหน้าที่ของนายกฯ ถ้าคุณไม่รู้มีวิธีการเยอะแยะ แต่คุณไม่ทำคุณไม่พยายาม และหลายครั้งท่านไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าท่านเป็นนายกฯ เรื่องพื้นฐานที่สร้างความเชื่อมั่นให้สังคม แต่ยังไม่มีปัญญา ส่วนเวทีนานาชาติที่มีนักลงทุนจากต่างชาติเพื่อโน้มน้าวนักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย นายกฯสามารถแสดงวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจได้ แต่เสียดาย เพราะเหมือนนายกฯตอบเหมือนไม่เข้าใจคำถาม
น.ส.ภคมน กล่าวว่า โครงการซอฟต์พาวเวอร์ที่นายกฯไปไหนมาไหนก็จะโปรโมท ท่านพอใจในสินค้าไทย ถ้านายกฯจะบอกว่าตัวเองโปรโมทสินค้าไทย อยากทำผลิตภัณฑ์คนไทยมีมูลค่าเหมือนที่นายกฯยกตัวอย่าง เพราะอยากให้ช่างฝีมือมีรายได้มากเหมือนช่างทำนาฬิกา ท่านต้องพูดยุทธศาสตร์ให้มากกว่านี้ ไม่ใช่มองแค่ว่าใส่แล้วบอกว่าเท่ากับการกระตุ้นเศรษฐกิจ
“ท่านเป็นนายกฯ ท่านไม่ใช่อินฟลูเอนเซอร์ ท่านทำได้มากกว่านั้น พูดไปเลย ยุทธศาสตร์เป็นอย่างไร ท่านต้องบอกว่ารัฐบาลส่งเสริมอย่างไร มีแผนการอย่างไร อะไรก็ว่าไป พูดให้มากกว่านี้ แต่นี่พูดบางเบา ปลิดปลิว ตื่นเขินเหลือเกิน” น.ส.ภคมน กล่าว
น.ส.ภคมน กล่าวว่า เรื่องวุฒิภาวะของนายกฯ ถ้าต้องการพิสูจน์ภาวะผู้นำอย่างมีวุฒิภาวะ ต้องทำให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในตัวท่านให้ได้ ส่วนในเรื่องแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ นายกฯมาบอกว่าก็โดนเหมือนกัน จะบอกทำไมเพราะประชาชนอยากรู้ว่านายกฯแก้ปัญหาอย่างไร กลายเป็นว่าประชาชนต้องมาฟังเรื่องราวร้องทุกข์ของนายกฯ ยังไม่รวมถึงที่นายกฯโพสต์รูปภาพสวมเสื้อสีสันสดใส แคปชั่นสวัสดีวันจันทร์ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีประชาชนเสียหายจากน้ำท่วมเชียงราย และครั้งที่ไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่เชียงใหม่ ในขณะที่ท่านกำลังทำกิจกรรมด้วยการไปสวนสัตว์ ช้อปปิ้ง และจิตสำนึกไม่กระซิบเลยหรือว่าประชาชนในพื้นที่ภาคใต้กำลังเผชิญกับน้ำท่วมในรอบ 37 ปี เขาจะรู้สึกอย่างไรที่นายกฯ มีภาพและสื่อสารออกไปอย่างเริงร่าขนาดนั้น จนสุดท้ายสื่อมวลชนก็ต้องไปถามนายกฯ ว่าทอดทิ้งประชาชนคนใต้หรือไม่ และนายกฯยืนยันว่าไม่ทอดทิ้งคนใต้ เพราะสามีเป็นคนใต้ ซึ่งมีวิธีการสื่อสารมากมายที่ยืนยันว่านายกฯไม่ทอดทิ้งประชาชน แต่ท่านเลือกที่จะสื่อสารด้วยประโยคแบบนี้
ช่วงนี้ทำให้ น.ส.ชนก จันทาทอง สส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ประท้วง ว่า คนอภิปรายวนเวียนซ้ำซาก เอาข่าว เอาคอมเมนต์มาอ่านและใช้ความรู้สึกส่วนตัวเข้าไปเสริมแล้วตัดสิน จึงขอให้ผู้อภิปรายเข้าประเด็นว่านายกฯ ไม่เหมาะสมเช่นไร นายพิเชษฐ์ จึงวินิจฉัยและย้อนถาม น.ส.ภคมน ว่าประเด็นที่จะถามคืออะไร น.ส.ภคมน อยู่ในญัตติทั้งหมดหน้าท่านที่ระบุว่านายกฯขาดความรู้ความสามารถ สิ่งที่ตนพูดมามีสิ่งไหนบ้างที่นายกฯมีความรู้ความสามารถ ให้แย้งมาเป็นข้อๆได้เลย
แต่ก็ไม่มีใครโต้แย้ง น.ส.ภคมน จึงอภิปรายต่อ เจตจำนงที่รับใช้ประชาชนทำไมตอนหาเสียงพูดอย่าง ตอนเป็นรัฐบาลพูดอีกอย่าง ลืมแล้วว่าตัวเองประกาศอะไรไว้ และในพรรคร่วมรัฐบาลท่านได้เปรียบอย่างเดียวคือเป็นพรรคร่วมรัฐบาล คือท่านได้เป็นนายกฯ แต่อย่างอื่นเสียเปรียบ กลายเป็นว่าเจตจำนงเพื่อประชาชนวันนี้ไม่เหลืออะไรเลยมีเพื่อพวกพ้องอย่างเดียว ส่วนเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประชาชนเป็นเหยื่อแทบทุกวัน จนกระทั่งประเทศจีนแทบทนไม่ไหวกดดันทางการไทย และทางเมียนมาให้แก้ไขจุดนี้ ถ้าจีนไม่กดดันเราคิดว่าจะมีเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ สรุปแล้วว่านี้คือเจตจำนงอันแรงกล้าของนายกฯไทยหรือเจตจำนงในการแก้ไขปัญหาของผู้นำจีนกันแน่
น.ส.ภคมน กล่าวว่า ส่วนเจตจำนงในกรณีตากใบ ในวันสุดท้ายก่อนคดีหมดอายุความ สิ่งที่นายกฯทำคือตีหน้าเศร้าและกล่าวคำขอโทษต่อผู้สูญเสีย คำขอโทษที่ไร้ค่า ไร้ความหมาย นี่คือความอัปยศของคนไทยที่มีนายกฯ ที่ขาดเจตจำนงในการคืนความเป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชน และตนขอยืนยันว่าสิทธิ์ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความจับผิดน.ส.แพทองธาร ซึ่งสิ่งที่ตนพูดมาทั้งหมด คือเชื่อว่าเกินเลยความรู้สึกของประชาชน การที่ไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีวุฒิภาวะ และไม่มีเจตจำนงของนายกฯ คือรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุดที่ยืนยันว่าประชาธิปไตยกำลังถูกย่ำยีให้อ่อนแอ และไร้เกียรติสะท้อนให้เห็นโครงสร้างการเมืองไทยว่าหากคุณมีอำนาจต่อรองมากพอ คุณจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่ไม่มีคุณสมบัติเลยก็ได้ และหากคุณต้องการดันให้ลูกสาวของคุณขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมาเพื่อทดลองบริหารประเทศ แม้จะเจ๊งก็ไม่เป็นไร หากคุณมีอำนาจต่อรองมากมาก พอในการดีลแลกประเทศไทย โดยไม่สนใจหัวของประชาชนเลยก็ได้
“ในระยะเวลา 7 เดือนที่ น.ส.แพทองธาร ดำรงตำแหน่งนายกฯ น.ส.แพทองธารได้อะไรไปเยอะที่พาพ่อกลับบ้าน ได้โปรไฟล์ ได้ยกระดับสถานะทางสังคมให้ตัวเองสูงขึ้นไปอีกแต่พี่น้องประชาชนเสียโอกาส ที่จะมีผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าเสียภาพลักษณ์ของประเทศต่อนานาชาติ เสียโอกาสที่จะได้ทวงคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตในคดีตากใบ เสียจุดยืนในหลักการสากล เสียโอกาสที่จะได้เห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสียโอกาสที่จะได้เห็นว่ารัฐบาลพลเรือนมีน้ำยากว่ารัฐบาลทหาร ทั้งหมดเพียงเพราะ น.ส.แพทองธาร ไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีวุฒิภาวะ และไม่มีเจตจำนงที่จะรับใช้ประชาชน แม้ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้อาจจะไม่ได้จบลงด้วยการให้ น.ส.แพทองธารหลุดจากตำแหน่งนายกฯ หรือท่านอาจจะไม่รู้สึกรู้อะไรด้วยซ้ำ แต่ถ้ามีจิตสำนึกอยู่บ้าง ลองนึกนึกถึงหัวอกของคนที่เขามีลูกเล็กที่ต้องเติบโตในสังคมนี้สังคมที่การศึกษากำลังทดถอยในสังคมที่คาดหวังอะไรกับอนาคตไม่ได้ ท่านลองนึกถึงอนาคตคนทำงานที่เขาไม่มีโอกาสยกสถานะทางสังคม โอกาสของประชาชน และโอกาสของประเทศไทยแลกกับการที่น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ แลกกับความต้องการของครอบครัวเดียว ในขณะที่คนไม่รู้อีกกี่สิบล้านคนต้องเสียความหวังในชีวิต พรรคเพื่อไทยมาจุดที่หักหลังประชาชนขนาดนี้ได้อย่างไร ตนจึงไม่อาจไว้วางใจให้น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ได้แม้แต่วินาทีเดียว” น.ส.ภคมน กล่าว
Advertisement