วันที่ 29 มี.ค. 68 นาย มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT กล่าวว่า จากการที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ได้ร่วมกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ลงนามใน “โครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact)” เพื่อป้องกันและปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันใน โครงการก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่ ที่พังถล่มเสียหาย จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ พบว่าการก่อสร้างหย่อนประสิทธิภาพ โดยเห็นได้จากการก่อสร้างล่าช้าผู้รับเหมาหยุดงานเป็นช่วงๆ ซึ่งได้ทักท้วงมาตลอด ปกติโครงการจะเปิดให้ผู้สังเกตการณ์จากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ เริ่มเข้าสังเกตการณ์ตั้งแต่เขียนข้อกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) เพื่อป้องกันการล็อคสเปก การฮั้วประมูล และการตั้งงบประมาณสูงเกินจริง ให้ทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฏหมายอย่างเปิดเผยโปร่งใส แต่โครงการนี้กลับไม่ได้รับอนุมัติจากรัฐให้เข้าโครงการข้อตกลงคุณธรรม ทำให้ไม่มีผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมตั้งแต่ต้น
ทั้งนี้ สตง.เป็นผู้ติดต่อขอให้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ส่งผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมโครงการนี้เอง เนื่องจาก สตง.มีภาระกิจตรวจสอบผู้อื่น เพื่อเป็นแบบอย่างการเปิดเผยโปร่งใส จึงต้องการให้มีผู้สังเกตการณ์ภายนอกเข้ามาร่วมให้ความเห็น
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์จากองค์กรคอร์รัปชันฯ ได้เริ่มปฎิบัติหน้าที่หลังจาก สตง. คัดเลือกผู้รับเหมา ผู้ควบคุมงาน และมี TOR พร้อมแบบก่อสร้างแล้ว จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกำหนดคุณสมบัติ และการคัดเลือกผู้เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง รวมทั้ง TOR ดังกล่าว นอกจากนี้ยังพบว่าผู้รับเหมาโครงการนี้มีการหยุดงานเป็นช่วงๆ ในช่วงแรก และเมื่อทำงานต่อก็ทำอย่างล่าช้ามาก ซึ่งคณะผู้สังเกตการณ์ได้ทักท้วงมาโดยตลอด จนเมื่อเดือน ม.ค. 68 สตง.แสดงท่าทีเตรียมยกเลิกสัญญาก่อสร้าง
นายมานะ กล่าวต่อว่า ผู้สังเกตการณ์จากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ มีขอบข่ายหน้าที่ในการตรวจสอบการบริหารสัญญาก่อสร้างว่าถูกต้องตรงตามแบบก่อสร้างตามสัญญาหรือไม่ หากมีการแก้แบบ เพิ่มลดงานหรือวัสดุก่อสร้าง สตง. และผู้ควบคุมงานจะต้องแจ้งให้ผู้สังเกตการณ์ทราบ ส่วนเรื่องการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันทางวิศวกรรมระหว่างการก่อสร้างเช่น การแก้แบบ เพิ่มลดงาน เปลี่ยนวัสดุก่อสร้าง หรือดึงงานล่าช้าเป็นความรับผิดชอบของ สตง.และบริษัทผู้ควบคุมการก่อสร้างที่ได้รับว่าจ้างเป็นผู้กำกับควบคุมผู้รับเหมาให้ก่อสร้างตามสัญญา
“โครงการข้อตกลงคุณธรรม(Integrity Pact)” เป็นมาตรการสากล ที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ นำแนวคิดมาจากองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ โดยนำเสนอให้รัฐบาลไทยนำมาใช้ตรวจสอบความโปร่งใสในโครงการเมกกะโปรเจค ตั้งแต่ปี 2558 ปัจจุบันมีผู้ทรงคุณวุฒิอาสาปฎิบัติหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์อิสระจำนวน 252 คน ร่วมสังเกตุการณ์ 178 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านบาท ประหยัดงบประมาณประเทศได้ 77,548 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.7 ของงบประมาณรวม“แต่มีข้อสังเกตว่าในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา โครงการที่รัฐเลือกเข้าร่วมข้อตกลงคุณธรรมกลับมีขนาดและความสำคัญลดน้อยลงเหลือไม่ถึง1ใน 3 เป็นเรื่องน่าเสียดายโอกาสของประเทศไทยที่จะใช้งบประมาณและทรัพยากรของรัฐให้คุ้มค่า และส่งเสริมการทำงานของภาครัฐให้เปิดเผยโปร่งใสโดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าวในที่สุด
Advertisement