Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
สาวลูกจ้างซวยเบิ้ล หลงกลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รีบไปแจ้งความรถคว่ำเจ็บ

สาวลูกจ้างซวยเบิ้ล หลงกลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รีบไปแจ้งความรถคว่ำเจ็บ

27 เม.ย. 65
16:28 น.
|
6.8K
แชร์

สาวลูกจ้างหลงกลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สูญเกือบ 3 แสน รีบไปแจ้งความ รถคว่ำบาดเจ็บ เผยช้ำ เงินจำนวนดังกล่าวเก็บสะสมเป็นการศึกษาลูก วอน ตร.ช่วยติดตามคดี 

สาวลูกจ้างเสริมความงามตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลงกลด้วยความกลัวจึงไม่ทันปรึกษาใคร โอนเงินให้มิจฉาชีพเกือบ 300,000 บาท ถูกแจ้งข้อหาฟอกเงินส่งพัสดุไปประเทศจีน มีเอกสารต้องห้าม เคราะห์ซ้ำ รถจยย.คว่ำระหว่างทางไปแจ้งความ ทุกข์หนักไม่มีเงินส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัย วอนตร.ช่วยตามคดี

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยว่าเมื่อวันที่26เมษายน2565จาก "นางสายชล สุขทรัพย์" อายุ 4 2ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/1 หมู่ที่ 11 ตำบลทรงธรรม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ได้เข้าแจ้งต่อ "ร.ต.อ.วิโรจน์ กันทมารา" พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร

พร้อมนำหลักฐานการโอนเงินแจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาหลอกว่าเกี่ยวพันกับการฟอกเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ให้เหยื่อโอนเงินเข้าบัญชีกลาง เพื่อตรวจสอบว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงินจึงหลงเชื่อโอนเงินครั้งแรกไปจำนวน 100,000 บาท ครั้งที่ 2 อีก 100,000 บาทและครั้งที่ 3 จำนวน 69,225 บาท รวมเป็นเงิน 269,225 บาท เมื่อได้เงินแล้วแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ไม่สามารถที่จะโทรศัพท์ติดต่อกันได้ ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างว่าเป็นตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตอีกด้วย

"นางสาวสายชล" เล่าว่าเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2565 ที่ผ่านมาได้มีโทรศัพท์โทรมาหาตนโดยแจ้งชื่อว่าชื่อ "นางสาวกุลสิริพลธีระ" โดยอ้างว่าเป็นพนักงานแจ้งเรื่องของยูพีเอส สาขาภูเก็ต โดยให้รายละเอียดว่าตนเองนั้นมีชื่อส่งพัสดุไปยังปลายทางแห่งหนึ่งในประเทศจีน โดยมีชื่อผู้รับปลายทางชื่อว่า "นายฮงเหว่ยไท่จิง" แต่ภายในกล่องพัสดุนั้นมีสิ่งของต้องห้ามประกอบไปด้วยพาสปอร์ตจำนวน 8 เล่ม เอทีเอ็ม จำนวน 10 ใบ ซุกซ่อนอยู่ในเสื้อผ้า จำนวน 9 ชุด จากนั้นก็ส่งสายโทรศัพท์ให้กับตำรวจโดยอ้างว่าเป็นตำรวจสถานีภูธรเมืองภูเก็ตชื่อ "นายสุทธิรักษ์ สุวรรณพราย" แต่ไม่ได้บอกชื่อยศได้พูดคุยกับตน

แก๊งคอลเซ็นเตอร์

จากนั้นก็ส่งสายให้กับนายอนุชิต กิตติรัตน์ โดยอ้างว่าเป็นฝ่ายตรวจสอบให้พูดคุยกับตนซึ่งนายอนุชิตได้อธิบายขยายความว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายสมศักดิ์ ภักดีเป็น ผู้ต้องหาในกระบวนการฟอกเงินและตรวจสอบแล้วว่าตนนั้นมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งถ้าหากตนแสดงความบริสุทธิ์ไม่ยุ่งเกี่ยวก็ให้ทำการโอนเงินไปยังบัญชีกลางซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ได้บอกหมายเลขบัญชีธนาคารกสิกรไทยให้โอนไปยังชื่อบัญชีของ นางสาวกัญญาพัชร สุขเกษมและยังย้ำว่าตนจะต้องโอนเงินในบัญชีที่มีอยู่ทุกบัญชีไปให้หมด

จึงได้ทำการโอนเงินไปเพื่อให้ตรวจสอบแสดงความบริสุทธิ์ดังกล่าวซึ่งทั้งหมดโอนในเวลาติดต่อกันหลังจากที่โอนเสร็จแล้ว ตนก็รอโทรศัพท์เนื่องจากว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ตนว่าเมื่อโอนจนครบแล้วก็จะรีบโอนกลับมาให้ทันที หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อกันได้อีกตนจึงได้นำความเข้าแจ้งต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร เนื่องจากเอะใจว่าถูกต้มตุ๋นแล้ว

เคราะห์หามยามร้ายยังไม่หมด ขณะที่นางสาวสายชลเดินทางไปสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชรเพื่อนำเอกสารบางส่วนไปให้กับพนักงานสอบสวนก็ต้องมาประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักพลิกคว่ำที่หน้าธนาคารออมสิน ถนนเทศา 1ตำบลในเมืองอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ห่างจากโรงพักประมาณ 500 เมตร

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 01

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เหยื่อนั้นรู้สึกเศร้าและผิดหวัง เนื่องจากว่าเงินจำนวนทั้งหมดที่สะสมไว้จะเป็นทุนการศึกษาเล่าเรียนของบุตรสาว ซึ่งยังเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษาปีที่ 1 ม.นเรศวร จังหวัดพิษณุโลก

ซึ่งในเหตุการณ์ดังกล่าวผู้เสียหายฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ไปถึงพี่น้องประชาชนได้รับทราบว่าขณะนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์กำลังระบาด ซึ่งตนเองก็ทราบอยู่แล้วก็ขอให้เอาเหตุการณ์ของตนนั้นเป็นการเตือนภัยเพื่อไม่ให้ต้องถูกหลอกได้รับความเสียหายเหมือนตนอีก เพราะมิจฉาพวกนี้จะมีวิธีการพูดทำให้เหยื่อนั้นตกใจ ซึ่งตนเองก็คิดอะไรไม่ออกและแก๊งดังกล่าวสร้างความน่าเชื่อถือทั้งมีบริษัทรองรับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาอ้างแล้วก็มีฝ่ายตรวจสอบในห้วงขณะนั้น ตนคิดแต่เพียงจะแสดงความบริสุทธิ์เท่านั้นจึงได้หลงกลแก๊งดังกล่าวเหล่านี้จนได้

นอกจากนี้ยังขอฝากไปถึงสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชรไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่ามีพี่น้องประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อนจากมิจฉาชีพที่เป็นภัยต่อสังคมเหล่านี้ตามข่าวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะระมัดระวังอย่างไรในที่สุดก็หลงกลเขาจนได้ ทำให้เงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิตเพื่อจะส่งลูกเรียนต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะมีหนทางทำอย่างไร

เนื่องจากตนมีรายได้เป็นลูกจ้างร้านเสริมความงามเดือนละไม่กี่บาทเท่านั้นเอง จึงขอย้ำและฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องให้เร่งติดตามมิจฉาชีพที่เป็นภัยสังคมเหล่านี้มาดำเนินคดีให้ได้ด้วยความรวดเร็ว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- มุกใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ถามเลขบัญชี แต่ระหว่างคุยดูดเงินหายเกลี้ยง
-
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็น ตร.บังคับเปิดกล้อง แต่ดูยังไงก็ไม่เนียน
- แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หัวร้อนจี๋ หลอกเหยื่อไม่ได้ ด่ากราด "อีจน"

Advertisement

แชร์
สาวลูกจ้างซวยเบิ้ล หลงกลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รีบไปแจ้งความรถคว่ำเจ็บ