"เต้ ดาวดับ" รับที่ผ่านมาหิวแสงเพราะหวังหาเสียง-ทำงานง่ายขึ้น ฟุ้ง 4 ปีที่ผ่านมาผลงานมากกว่าคนอื่น
วันที่ 28 ธ.ค. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา ถึงกรณีที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาตั้งฉายา “ดาวดับ” ให้กับนายมงคลกิตติ์ระบุว่า ตอนแรกไม่คิดว่าปีนี้จะได้รับฉายา รู้สึกตกใจ หลังจากที่สื่อมวลชนทุกแขนงออกข่าว แต่ก็มองว่าสื่อมวลชนเอ็นดู ทั้งนี้ ขอบคุณสื่อมวลชนที่มอบฉายานี้ให้ ซึ่งตอนแรก เข้าใจว่า “ดาวดับ” เป็นคำไม่ดี แต่ดูรายละเอียดแล้วก็เข้าใจได้
“ตอนแรกผมเข้าใจว่าดาวดับ เป็นคำไม่ดี แต่พอไปดูในรายละเอียด ก็เลยทราบว่าดาวดับจะต้องไปหาแสง ไม่ว่าจะเป็นคดีแตงโม กรณีที่ไปว่ายน้ำ ข้ามเจ้าพระยา รวมถึงเรือหลวงสุโขทัย”นายมงคลกิตติ์ กล่าว
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ขออธิบายว่า หน้าที่ของ ส.ส. ที่มีหลายบทบาท ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ทำหน้าที่ด้านกฎหมายและการที่ไปข้องเกี่ยวกับคดีแตงโม เพื่อนำข้อมูลต่างๆนำไปสู่การปฏิรูป จนสามารถเสนอกฎหมายจำนวน 4 ฉบับ ต่อสภาฯ ประกอบด้วย พ.ร.บ.สืบสวนคดีอาญา พ.ร.บ. สำนักงานทนายรัฐ กฎหมายแก้ไข ป.วิอาญา พ.ศ. 2499 กฎหมายแก้ไข พ.ร.บ. จราจรทางบก ยกเลิกค่าปรับจราจร และยังมีอีก 2 ฉบับ ที่กำลังดำเนินการ คือ ร่าง พ.ร.บ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะมีตำรวจเรียกรับเงิน เสนอว่าการแต่งตั้งโยกย้ายให้ใช้ระบบอาวุโส 100% และกฎหมายแก้ไข พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า โดยเฉพาะเรื่องการผูกขาดทางการค้า คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงเดือน ม.ค. 66 นี้
นายมงคลกิตติ์ ระบุว่า ตลอด 4 ปี มีผลงานมากกว่าคนอื่น ทั้งการยับยั้งการจัดซื้อเครื่องบินของการบินไทย คดีการทุจริตสนามฟุตซอล คดีทุจริตคุรุภัณฑ์อาชีวะศึกษา คดีตำบลละ 5 ล้าน ในสมัย คสช. คดีการยับยั้งการซื้อขายที่ดินให้ต่างชาติ
นายมงคลกิตติ์ ย้ำว่า จำเป็นต้องหาแสง เมื่อมีแสงเยอะ จะทำให้ทำงานสะดวก เหมือนกับผี เวลามีแสงก็วิ่งหายหมดคนไม่ดี คนชั่วก็วิ่งหายหมด ทั้งนี้ คำว่าดาวดับ ก็มองว่า เป็นการดับในช่วงที่มีเมฆบังอยู่เท่านั้น
“สื่อมวลชนจะว่าผมว่าเป็นดาวดับ ผมดับในช่วงที่มีเมฆบังอยู่ พอเมฆหมอกหายไป ผมก็สว่างเหมือนเดิม ฉายาดาวดับ ผมยอมรับ”นายมงคลกิตติ์ กล่าว
นายมงคลกิตติ์ ระบุต่อว่า ช่วงที่ผ่านมาทำงานหลากหลายหน้าที่ จำเป็นต้องมีสื่อ หากไม่มีสื่อจะทำงานลำบาก และยังเป็นพรรคที่ไม่เคยซื้อเสียงยิ่งจำเป็นต้องมีสื่อมาช่วย เพราะส่วนตัวมีต้นทุนน้อย เน้นหาเสียงจากสื่อโซเชียล หาเสียงจากการทำงาน ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่าย พร้อมขอให้ประชาชนภูมิใจที่เลือกตัวเองมาทำงาน ที่ทำอย่างเต็มที่ดีกว่าคนที่ซื้อเสียงมา ยืนยัน ไม่เสียใจ และยอมรับกับฉายานี้
เมื่อถามว่าจะทำหน้าที่แบบนี้ต่อไปหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า จะทำหน้าที่จนกว่าจะยุบสภา ย้ำว่าจำเป็นต้องหาแสง เพราะประชาชนจะได้รู้ว่าทำงานตลอด ยืนยันว่าไม่เสียความมั่นใจ และยอมรับว่าเป็นวิธีการหนึ่งในการหาเสียง
ทั้งนี้ ในส่วนฉายา “แปดเปื้อน” ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้น ไม่ใช่แค่แปดเปื้อน แต่คือ ผ้าดำไม่มีอะไรขาวในตัว ซึ่งแตกต่างจาก ฉายา “ดาวดับ” เพราะไม่ได้มืดด้วยตัวเอง แต่มืดมาจากเมฆ
Advertisement