พบหนุ่มพิการที่ถูกตัดสิทธิ์ เคยบีบคอพ่อเกือบตาย ขู่ฆ่าพ่อแม่หลายครั้ง
จากกรณีนายมณฑล เพ็ชรสังข์ ผู้พิการ วัย 48 ปี โยกรถสามล้อจากสุโขทัยมุ่งหน้ากรมบัญชีกลาง กรุงเทพฯ เพื่อจะยืนยันตัวตนขอสิทธิ เนื่องจากตนเองถูกตัดสิทธิผู้พิการ และไม่มีบัตรประชาชน
ล่าสุดนายทเนตร์ น้อยสุก ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 บ้านวังขอนงุ้น ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย ขอชี้แจงว่า นายมณฑล เพ็ชรสังข์นั้น มีการเดินทางไปทำงานนอกพื้นที่ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น และมีคดีต้องโทษจำคุกมาหลายปี มีนิสัยใจร้อน ต่อมาในช่วง 2-3 ปี ก็มีปัญหากับครอบครัวตลอด ซึ่งนายมณฑล มีความสามารถด้านการแกะสลัก ทางผู้นำท้องถิ่นได้ร่วมกันจัดหางบประมาณในการซื้ออุปกรณ์ในการทำงานแกะสลักเพื่อให้มีอาชีพและพำนักอยู่กับครอบครัว แต่ก็มีปากเสียงกับพ่อแม่มาตลอด ด้วยความใจร้อน ด้วยความไม่เข้าใจกัน ในครอบครัว ก่อนหายจากบ้านไป มีการทำร้ายร่างกาย ถึงขั้นบีบคอพ่อ และหายไปจากหมู่บ้านมากว่า 4 ปี และเป็นคนเก็บตัวอยู่คนเดียวไม่มีลูกเมีย อีกทั้งมีพฤติกรรมเข้ากับใครไม่ได้ และมีประวัติการตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง อีกทั้งไม่เคยมีการติดต่อกลับมาทางครอบครัวเลย
ล่าสุด น.ส.มะลิวัน สิทธิโยธี พมจ.จังหวัดสุโขทัย ได้เช็คข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า นายมณฑล เพชรสังข์ ได้ขึ้นทะเบียนคนพิการ กับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุโขทัย เมื่อ 10 มิถุนายนปี 2558 และบัตรคนพิการหมดอายุ ในวันที่ 9 มิถุนายน 2561 ซึ่งหากเป็นกรณีบัตรคนพิการหมดอายุ นายมณฑล สามารถที่จะทำการต่อบัตรคนพิการได้ที่สำนักงาน หรือ สามารถทำ บัตรคนพิการได้ที่ สำนักงาน อบต.ท้องที่ที่ตนเองอาศัยอยู่ได้ แต่กรณีนี้เมื่อเช็คในฐานข้อมูล นายมณฑลไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านของในจังหวัดสุโขทัยเลย และชื่อไปอยู่ในทะเบียนบ้านกลางของมหาดไทย จึงไม่สามารถทำบัตรประชาชนและบัตรคนพิการให้ได้ เพราะไม่มีข้อมูลในฐานข้อมูลของจังหวัด จำเป็นต้องไปขอย้ายชื่อตนเองออกมาจากทะเบียนกลาง และย้ายเข้าอยู่ทะเบียนบ้านใหม่ ในภูมิลำเนาที่ตนอาศัยอยู่ก่อน
หลังจากเช็คข้อมูลทราบว่า นายมณฑล ได้ไป ขอทำบัตรประชาชนเมื่อประมาณวันที่ 16 มกราคมต้นปีที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำให้ได้ เนื่องจากว่าไม่มีชื่ออยู่ในระบบบัญชี ทะเบียนบ้านในจังหวัดสุโขทัย แต่กลับมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านกลาง
ด้านนายเอกสิฏฐ์ วิไลศิลป์ นายอำเภอศรีสัชนาลัย ชี้แจงว่า ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ทราบว่า นายมลฑล เคยอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 72 ม.7 ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย จริง และต่อมา ปี 2563 ได้ออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น โดยไม่มีใครทราบเนื่องจากเจ้าตัวไม่ยอมบอก ประกอบกับมีปัญหาทะเลาะกับครอบครัว นายมลฑล เป็นคนมีอารมณ์รุนแรง เคยขู่ฆ่าพ่อแม่หลายครั้ง และจากการตรวจสอบข้อมูลเบื่องต้นทราบว่านายมลฑล ได้มีการแจ้งย้ายเข้าบ้านเลขที่ 31/4 ม.7 ต.สามเรือน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย เมื่อ 8 พ.ค.2563 ทางญาติและสมาชิก อบต.ที่รู้จักคุ้นเคยกันได้เคยไปตามหาตัวแต่ไม่พบ ต่อมาได้มีการย้ายชื่อนายมลฑล เข้าทะเบียนบ้านกลาง ม.1 ต.วังลึก อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย
และเมื่อวันที่ 16 ม.ค.67 นายมลฑล ได้มาติดต่อขอทำบัตรประชาชนที่สำนักทะเบียน อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย จนท.สำนักทะเบียนฯ แจ้งว่าไม่สามารถออกบัตรได้ เนื่องจากในข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของนายมณฑล เพชรสังข์ ปรากฏหมายจับ เลขที่ 1655/2559 สน.บางซื่อ ในคดีอาญา วันเดือนปีที่ออกหมายจับ 30 สิงหาคม 2559 สถานะข้อมูลดำเนินการย้ายเข้าทะเบียนบ้านกลางกระทรวงมหาดไทย
ทาง จนท.สำนักทะเบียนอำเภอฯ ได้สอบถามนายมลฑล แจ้งว่า เจ้าตัวเคยถูกดำเนินคดีแล้ว จนท.จึงสอบถามหาใบบริสุทธิ ซึ่งเจ้าตัวแจ้งว่าเอกสารสูญหาย จนท.จึงแนะนำให้ไปติดต่อ สภ.ศรีสัชนาลัย เพื่อให้ประสานขอหลักฐานแสดงคดีถึงที่สุดกับทาง สน.บางซื่อ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการปลดล็อครายการทะเบียนราษฎร์ และ จนท.ยังได้แจ้งกับนายมลฑล ว่าเมื่อถึง สภ.ศรีสัชนาลัย แล้วให้ สภ.ศรีสัชนาลัย โทรติดต่อกลับมาสอบถามที่สำนักทะเบียนอำเภอ เพื่ออธิบายข้อเท็จจริงให้ทราบ และเมื่อได้รับเอกสารหลักฐานแล้ว ให้กลับมาติดต่อสำนักทะเบียนอำเภอศรีสัชนาลัย เพื่อดำเนินการต่อไป แต่ปรากฏว่าในวันดังกล่าว ไม่มีการติดต่อกลับมา จนมาปรากฏข่าวทางสื่อออนไลน์ดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ศิริพงศ์ เกิดคุณากร ผกก.สภ.ศรีสัชนาลัย ได้เปิดเผยถึงกรณีที่นายมณฑล ได้มาติดต่อที่ สภ.ศรีสัชนาลัย เกี่ยวกับการขอเอกสาร ใบบริสุทธิ์ ซึ่งเดิมทีนายมณฑล เคยต้องคดีในเขตท้องที่ สน.บางซื้อ ซึ่งตอนที่นายมณฑล ถูกจับกุมที่ สน.บางซื่อ ข้อมูลก็จะอยู่ที่สน.บางซื่อ เพราะตอนที่เค้าถูกจับกุมจะมีเอกการให้รวมถึงตอนพ้นโทษก็จะมีเอกสารให้ แต่นายมณฑล ทำหายซึ่งเอกสารนี้ไม่ใช่ของโรงพักศรีสัชนาลัย ต้องประสานกลับไปที่ สน.บางซื่อ ซึ่งทาง สภ.ศรีสัชนาลัย ก็ได้ช่วยประสานไปให้แล้ว โดยทางทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้คำแนะนำว่าจะประสานขอเอกสารให้ เเต่ปรากฎว่านายมณฑล ไม่รอได้กลับไปก่อน และจากนั้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าประสานทางสน.บางซื่อได้แล้ว แต่นายมณฑล แจ้งว่ากำลังเดินทางเข้ากรุงเทพ จะไปที่กรมทะเบียนกลางเอง จึงไม่ทราบว่ามีปัญหาความไม่พอใจอะไรกับทางหน่วยงานราชการหรือไม่ ในการที่จะต้องไปยกเลิกทะเบียนกลางเพื่อขอเข้าทะเบียนบ้านเดิมของตน
ขณะที่ หลายหน่วยงานได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของครอบครัวนายมณฑล พบกับนางประเทือง อายุ 70ปี แม่นายมณฑล จากการสอบถามนางประเทือง กล่าวว่านายมณฑล ออกจากบ้านไปตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นป.6 และไม่เคยกลับมาบ้านเลย แต่มาทราบข่าวอีกครั้งเมื่อประมาณปี 58 ลูกสาว ที่ อุตรดิตถ์ ได้โทรมาบอกว่าให้มารับนายมณฑลกลับบ้าน เนื่องจากพิการ จึงได้ไปรับกลับมาบ้าน จากนั้น นายมณฑล ก็ประกอบอาชีพแกะสลักไม้ขายที่หน้าบ้านแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ สุดท้ายเอาเครื่องมือหากินไปขายจนหมด อีกทั้งนายมณฑล เป็นคนอารมณ์ร้อน ชอบบ่น ด่าว่าตนและทะเลาะกับ พ่อ จนบางครั้งถึงกับเข้าไป ทำร้ายร่างกาย พ่อด้วยการบีบคอทำให้ตนและครอบครัว รู้สึกหวาดกลัว แต่หลังจากปี 62 นายมณฑลก็ได้ออกจากบ้านไปอีกครั้งและไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย จน มาทราบข่าวเมื่อ ประมาณเดือนมกราคม ที่ผ่านมาว่ามีคนพบลูกชายตัวเองไปติดต่อทำบัตรประชาชนที่ว่าการอำเภอศรีสัชนาลัยและทำไม่ได้ ตนเองก็ไม่สามารถติดต่อลูกชายตัวเองได้ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เป็นข่าวจึงทราบเรื่องอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหากลุกชายสามารถหาหลักฐานมายืนยันตัวตนจนสามารถที่ทำบัตรประชาชนได้ ตนเองด้วยความเป็นแม่ก็ยินดีที่จะให้ลูกย้ายเข้าสู่ทะเบียนบ้านตนและซ่อมแซมบ้านหลังเก่าที่ลูกชายเคยอาศัยอยู่ให้ใช้อาศัยอยู่ต่อไป
ด้านนายมานพ เสนาเกตุ สอบต. แม่สำ ซึ่งเป็นเพื่อนกับนายมณฑล เล่าว่า ตั่งแต่มณฑล ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน ปี 2 ปี ก็ได้รับเบี้ยคนพิการมาตลอด เขาเคยโทร.มาที่ อบต.ว่าทำไมเบี้ยคนพิการเขาไม่เข้า จึงได้ตรวจสอบและทราบว่า นายมณฑล ได้ย้ายทะเบียนบ้านออกไปแล้ว จึงเป็นสาเหตุที่เงินเบี้ยยังชีพคนพิการไม่เข้า อีกทั้งตนเองยังได้ติดตามหานายมณฑล ว่าย้ายไปอยู่ที่ได้ ก็ไม่สามารถติดตามได้ เคยไปตามถึงศรีสำโรงเพื่อจะให้ย้ายชื่อกลับมาอยู่บ้านแม่ตามเดิมแต่ก็ไม่เจอ ติดต่อไม่ได้เลยจนมาเห็นข่าว อีกทั้งตนเองก็รู้ลึกกังวลและเป็นห่วงครอบครัวนี้ ทั้ง พ่อและแม่ก็แก่แล้ว อีกทั้งนายมณฑลก็มีนิสัยอารมณ์ร้อน อาจทำร้ายคนในครอบครัวได้.
Advertisement