ตำรวจสอบสวนกลางสั่งฟ้อง ศรีสุวรรณ จรรยา และ เจ๋ง ดอกจิก คดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว เอาผิดยกแก๊ง เจอคนละ 6 ข้อหาหนัก
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีทุจริตระหว่าง นายนัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ผู้กล่าวหา กับกลุ่มผูัต้องหารวม 5 คน ซึ่งในกลุ่มผู้ต้องหามีนาย ศรีสุวรรณ จรรยา และ เจ๋ง ดอกจิก รวมอยู่ด้วย กรณีเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีการเรียกรับทรัพย์สิน รวมทั้งผลประโยชน์อื่นๆ ได้สรุปสำนวนการสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำนวนการสอบสวน พร้อมพยานหลักฐานรวม 11 แฟ้ม จำนวน 4,490 แผ่น
ตนมอบหมายให้ พ.ต.ท.ภูริต ศรีบุญเรือง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปปป.นำสำนวนทั้งหมดไปเสนอต่ออธิบดีอัยการ สำนักงานดดีปราบปรามการทุจริต พิจารณาเรียบร้อยแล้วอีกด้วย โดยนายยศวริศ ชูกล่อม อายุ 65 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกดำเนินคดี 6 ข้อหา ประกอบด้วย
1.เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติในตำแหน่งโดยมิชอบ
2.เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ
3.ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นการตอบแทน โดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมายอันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด
4.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพฯ
5.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตน หรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับฯ
6.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตราย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาที่ 2, น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาที่ 3, นายเอกลักษณ์ วารีชล อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาที่ 4 และ น.ส.ณพัชญ์ปภา จรรยา อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาที่ 5 ทั้งหมดถูกดำเนินคดีเหมือนกันรวม 6 ข้อหา ประกอบด้วย
1.ร่วมกันสนับสนุน เจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง
2.ร่วมกันสนับสนุน เจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองฯ
3.ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นการตอบแทนในการจูงใจหรือได้จูงใจเจ้าพนักงาน
4.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ และชื่อเสียง
5.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมหรือยอมให้ตนได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าเปิดเผยความลับ
6.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป.
Advertisement