ยื่นสอบภาษี "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" อัจฉริยะ ลั่นฟอกเงินให้ตำรวจ-นักการเมือง

อัจฉริยะ ยื่นสอบภาษี "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" พบยื่นไม่ตรงรายได้ รวยผิดปกติ อ้างฟอกเงินให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ นักการเมืองระดับสูง

คอนเทนต์แนะนำ

เปิดใจ น้องเฟิร์น นิสิตคณะเภสัชศาสตร์ ผู้ชนะเลิศออกแบบโลโก้ "หมูเด้ง"

"ใหม่ ดาวิกา" ไม่ทน! ฟ้องคนด่าแรง เอาเงินมาช่วยเหลือสัตว์

ตำนาน นางนพมาศ จากพิธี "จองเปรียง" สมัยสุโขทัย สู่ประเพณี "ลอยกระทง"

วันที่ 26 ก.ย. 67 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือร้องเรียนตรวจสอบการยื่นการเสียภาษีของนางสาวกรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก กับสามี ยื่นสำแดงภาษีอันเป็นเท็จมีมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ตนในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ทนเห็นไม่ได้ที่แม่ตั๊กกับสามี มีการโฆษณาโอ้อวดเกินความเป็นจริง จึงรวบรวมพยานหลักฐาน มายื่นให้กรมสรรพากรดำเนินการตรวจสอบ เรื่องการเสียภาษีของแม่ตั๊ก กับสามี

โดยข้อมูลที่ตนได้มา พบว่า แม่ตั๊ก เปิดบริษัท 3 แห่ง ส่วนป๋าเบียร์ที่เป็นสามี เปิดบริษัท 7 แห่ง รวมกันแล้วมีบริษัท 10 แห่ง ซึ่งมีการก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2562 มีรายได้เข้ามาไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท แต่มีการเสียภาษีเพียงแค่ 16.6 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่สมเหตุสมผลกัน

อีกทั้งตนยังพบอีกว่า แม่ตั๊กกับสามี นั้นครอบครองรถหรู 9 คัน ประมาณ 100 กว่าล้านบาท กระเป๋าแบรนด์เนมกว่า 50 ล้านบาท บ้าน ที่ดิน รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีมูลค่ารวมกันแล้วไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท จึงตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะมีเจตนาในการยื่นสำแดงภาษีอันเป็นเท็จ

โดยนายอัจฉริยะ อ้างว่าทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่นั้น เป็นการรับฟอกเงินให้กับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ในภาคใต้ หรือนักการเมืองระดับสูงบางคนอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ยังต้องมีการตรวจสอบกันต่อไป

และเชื่อมีเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรบางคน น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการได้รับผลประโยชน์ เพื่อช่วยเหลือ 10 บริษัทนี้ ในการเสียภาษีที่ไม่ถูกต้องและไม่ครบถ้วน เพราะว่ามันสวนกลับรายได้และกำไรมหาศาล รวมถึงทรัพย์สินที่เขามีเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ คาดว่า ภายในสัปดาห์หน้าแม่ตั๊กกับสามี จะถูกออกหมายจับอย่างแน่นอน ซึ่งมีช่องทางเดียวที่จะหลบหนีได้คือช่องทางธรรมชาติเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะ ได้ฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงผู้เสียหายว่า อย่าเอาทองไปคืนเพื่อแลกกับเงินแค่ไม่กี่บาท แต่ให้เอาทองมาให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบ และให้รวมตัวกันมาแจ้งความไว้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้เกิดเป็นคดีอาญาแผ่นดิน แล้วค่อยนำไปฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายได้มากกว่าเดิมในภายหลัง