Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ลุ้นเฟดลดดอกเบี้ยในไตรมาส 1 หนุนราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2025 นี้
โดย : ฐิภา นววัฒนทรัพย์

ลุ้นเฟดลดดอกเบี้ยในไตรมาส 1 หนุนราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2025 นี้

26 ม.ค. 68
01:01 น.
|
312
แชร์

ลุ้นเฟดลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 1 หนุนราคาทองคำสร้างระดับสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ในปี 2025

นับตั้งแต่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) รอบเดือนธ.ค. ที่แม้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% แต่กระนั้นมีการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มที่จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลังจากนี้

โดยจากรายงานประมาณการภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ฉบับเดือนธ.ค. ระบุคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายในปี 2025 ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระดับ 3.90% หรือเท่ากับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยด้วยขนาด 0.50% ในปีนี้ ลดลงจากขนาด 1.00% ที่ระบุในรายงานฯ ฉบับเดือนก.ย.

ขนาดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงดังกล่าว แม้บางส่วนของตลาดคาดการณ์ไว้แล้วแต่หากพิจารณารายงานดังกล่าวเพิ่มเติม พบการปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ลดคาดการณ์อัตราการว่างงาน สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังคงแข็งแกร่ง

สอดคล้องกับรายงานภาวะเศรษฐกิจโลกล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ที่มีการปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2025 สู่ระดับ 2.7% จากคาดการณ์เดิมในเดือนต.ค. ที่ 2.2% สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีเช่นข้างต้น ทำให้เฟดไม่มีความจำเป็นต้องเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง

อนึ่งเมื่อสหรัฐเปิดเผยข้อมูลสำคัญในฝั่งตลาดแรงงานสหรัฐ ประจำเดือนธ.ค. ที่พบการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ที่เพิ่มขึ้น 2.56 แสนราย สูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เป็นอย่างมาก และนับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน หรือตั้งแต่เดือนมี.ค. สอดคล้องกับอัตราการว่างงานที่ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.1% ซึ่งข้อมูลเช่นนี้ บ่งชี้ภาวะตลาดแรงงานสหรัฐที่แข็งแกร่ง ส่งเสริมแนวทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างชะลอตัวลงของเฟด

อีกทั้งในวันเดียวกันนั้น มหาวิทยาลัยมิชิแกน (UoM) เผยรายงานอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ผู้บริโภคในอีก 1 ปี ข้างหน้า เดือนธ.ค. ที่พบการเพิ่มขึ้นสู่ 3.3% จาก 2.8% ในรายงานครั้งก่อน โดยถูกชี้นำจากความกังวลต่อแนวโน้มการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของรัฐบาลสหรัฐ โดยหลังการเปิดเผยข้อมูลข้างต้น แบงก์ออฟอเมริกา (BofA) และดอยซ์แบงก์ (Deutsche Bank) ประเมินว่า เฟดอาจไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้แล้ว

ขณะที่แม้นักลงทุนยังคงคาดหวังว่าเฟดจะยังปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้สักครั้งในปีนี้ แต่มีการเผื่อโอกาสไว้ราว 40.0% ที่เฟดอาจไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ ซึ่งคาดการณ์ต่อขนาดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง มีส่วนหนุนการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะเดียวกันมีส่วนลดความต้องการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐ สะท้อนความต้องการประมูลซื้อตราสารดังกล่าวที่อ่อนแอลง เพิ่มแรงหนุนต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี และ 30 ปี มีการปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสูงสุดในรอบกว่า 14 เดือน หรือตั้งแต่ช่วงฮาโลวีนปี 2023

ทิศทางการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ มีส่วนหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สามารถสร้างระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 26 เดือน หรือตั้งเดือนพ.ย. ปี 2022 ซึ่งนับเป็นปัจจัยกดดันของราคาทองคำ โดยแม้ในช่วงเวลาดังกล่าว ราคาทองคำสามารปรับตัวขึ้นได้ จากการเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุน ตามการตอบสนองเชิงลบต่อทั้งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์, ความไม่แน่นอนในประเด็นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และแนวทางการดำเนินนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ แต่กระนั้น ทิศทางการปรับตัวขึ้นของค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐนั้น คอยกดดันให้ราคาทองคำลดช่วงการปรับตัวขึ้น

อย่างไรก็ดี หลังการเปิดเผยข้อมูลด้านเงินเฟ้อ เดือนธ.ค. ของสหรัฐ  โดยเฉพาะดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ที่เพิ่มขึ้น 2.2% และ 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนและรายปี ตามลำดับ ล้วนออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมค่าที่พักอาศัย หรือ Supercore CPI พบว่า มีการชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน หรือตั้งแต่เดือนก.ค. อันสะท้อนถึงความคืบหน้าในกระบวนการปรับตัวลงของเงินเฟ้อสหรัฐ คลายความกังวลของนักลงทุนต่อประเด็นด้านเงินเฟ้อของสหรัฐ และสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมของเฟด

ขณะเดียวกัน จากการให้ถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการของเฟด มีการบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ถึงแนวโน้มที่เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงราว 3-4 ครั้ง ซึ่งมากกว่าที่เฟดส่งสัญญาณไว้ในเดือนธ.ค. พร้อมชี้ถึงความเป็นไปได้ที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ของเฟด อาจเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี อีกทั้งนายวอลเลอร์ยังไม่ละทิ้งความเป็นไปได้ที่จะสามารปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในเดือนมี.ค. หากข้อมูลด้านเศรษฐกิจและเงินเฟ้อออกมาชะลอตัวลงตามที่ประเมินไว้

การแถลงของนายวอลเลอร์ นับว่ามีส่วนเพิ่มมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟด กดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับฐานลง ลดแรงหนุนต่อค่าเงินดอลลาร์ ราคาทองคำจึงมีแรงหนุนต่อการปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 5 สัปดาห์

ทั้งนี้ โนมูระประเมินว่า เฟดยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุม FOMC เดือนมี.ค. ตามแนวโน้มความคืบหน้าในกระบวนการปรับตัวลงของเงินเฟ้อในสหรัฐ หลังจากนั้น เฟดจึงจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ ตามผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 สอดคล้องกับคาดการณ์ของทางมอร์แกน สแตนลีย์ ที่ประเมินว่า เฟดจะยังสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ในช่วงครึ่งแรกของปี แต่มีแนวโน้มระงับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี ตามผลกระทบจากแนวทางการดำเนินนโยบายของทรัมป์

ทว่า จากทั้งการแถลงของวอลเลอร์ และคาดการณ์ของสำนักคาดการณ์ที่ยกมาข้างต้น ยังไม่สามารถชี้นำให้นักลงทุนเพิ่มมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้มากนัก โดยยังพบการให้ความเป็นไปได้สูงสุดต่อแนวโน้มที่เฟดจะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้เพียง 0.25% ในปีนี้ พร้อมประเมินว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ของเฟด มีโอกาสเกิดขึ้นในการประชุมเดือนก.ค. มากที่สุด สถานการณ์เช่นนี้ มีผลให้ค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังสามารถรักษาการทรงตัวได้ในระดับสูง

อย่างไรก็ดี เฟดมีการตัดสินใจด้านการดำเนินนโยบายการเงิน ตามข้อมูลที่ได้รับ (Data dependent) ดังนั้น หากข้อมูลยังบ่งชี้ถึงความคืบหน้าที่ดีในกระบวนการปรับตัวลงของเงินเฟ้อสหรัฐ อาจชี้นำให้เฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้เช่นกัน สอดคล้องกับการแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ที่ชี้ว่า ความคืบหน้าในกระบวนการปรับตัวลงของเงินเฟ้อนั้น ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังจากนี้

ด้วยเหตุนี้ หากกระแสคาดการณ์ของตลาดต่อประเด็นอัตราดอกเบี้ยของเฟด มีการปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น มีแนวโน้มที่ค่าเงินดอลลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะปรับฐานลงเพิ่มเติมราคาทองคำจึงมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้โดยอาจสามารถสร้างระดับสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ ตอบรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ โดยราคาทองคำสร้างระดับสูงสุดตลอดกาลครั้งล่าสุดที่ 2,789.99 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงปลายเดือนต.ค. หรือก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

อนึ่ง แนะนำนักลงทุนติดตามข้อมูลด้านเงินเฟ้อและตลาดแรงงานของสหรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่มีส่วนขับเคลื่อนราคาทองคำ นอกจากนั้น แนะนำติดตามแนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ในช่วง 100 วันแรก ซึ่งสามารถชี้นำแนวโน้มทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ อันเป็นส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ฐิภา นววัฒนทรัพย์

ฐิภา นววัฒนทรัพย์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท YLG Bullion And Future จำกัด

แชร์
ลุ้นเฟดลดดอกเบี้ยในไตรมาส 1 หนุนราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2025 นี้