Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เปิดกลยุทธ์ SAPPE กับการรับมือความท้าทายในวันที่โลกการค้าเปลี่ยนทิศ
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

เปิดกลยุทธ์ SAPPE กับการรับมือความท้าทายในวันที่โลกการค้าเปลี่ยนทิศ

20 เม.ย. 68
17:12 น.
แชร์

เมื่อโลกการค้าเปลี่ยนทิศ สินค้าไม่เพียงถูกเรียกเก็บภาษี แต่ยังถูกบีบให้หาทางรอดอีกด้วย SAPPE เป็นอีกหนึ่งบริษัทไทยที่กำลังปรับตัวและติดตามกับสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อรักษาการเติบโตในโลกการค้าที่ไม่แน่นอน

SPOTLIGHT ถอดบทสัมภาษณ์พิเศษจากรายการ “Hot Issue”เรื่องร้อนต้องรู้ ในประเด็นหสงครามภาษี vs ผลกระทบ บจ. ทางช่อง SET Zooom In โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ซึ่งเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 คุณอเนก ลาภสุขสถิต ประธานเจ้าหน้าที่การเงินของ SAPPE ได้สะท้อนวิธีคิดขององค์กรไทยระดับโลก ที่กำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงใหญ่ด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจการค้า พร้อมเล่าถึงกลไกการบริหารความเสี่ยงที่ไม่ได้มีแค่แผน A หรือแผน B แต่มี “วิธีคิด” ที่พร้อมรับความผันผวนทุกระลอก

ภาพจากช่อง SET Zooom In

คำถาม : สงครามภาษีของสหรัฐฯ รอบนี้ กระทบ SAPPE มากน้อยแค่ไหน?

คุณอเนก ลาภสุขสถิต ประธานเจ้าหน้าที่การเงินของ SAPPE ระบุว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผบกระทบที่แน่ชัด แต่ก็ยอมรับว่า สงครามการค้าครั้งนี้กำลังเปลี่ยนโฉมการค้าโลก

 “ณ วันนี้ ยอดขายของ SAPPE ที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ยังไม่ถึง 5% ของรายได้ทั้งหมด ดังนั้นในแง่ของ ผลกระทบทางตรง (Direct Impact) จึงไม่มากนัก เราไม่ได้อยู่ในจุดเสี่ยงแบบบริษัทที่พึ่งพาตลาดอเมริกาเป็นหลัก”

แต่โลกทุกวันนี้ มันไม่มีอะไรที่เป็น ‘ผลกระทบเฉพาะจุด’ อีกต่อไปแล้ว เพราะการที่ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐฯ ออกมาตรการกีดกันทางการค้า ไม่ได้แปลว่าแค่เราส่งของไม่ได้ แต่มันเปลี่ยนเส้นทางสินค้าโลกทั้งใบ เพราะสินค้าที่เคยเข้าสหรัฐฯ ต้องถูกเบี่ยงไปประเทศอื่น 

ดังนั้นแม้จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ยอมรับว่า สถานการณ์สงครามการค้าที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อการค้าโลก และเรามีตลาดต่างประเทศเยอะก็ต้องมีการปรับตัว   

คำถาม : SAPPE รับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนนี้อย่างไร?

“การรับมือกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ต้องเริ่มจากสิ่งที่ควบคุมได้ นั่นคือ ‘โครงสร้างรายได้’ ของตัวเราเอง” คุณอเนก ระบุว่า บริษัทไม่ใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว “SAPPE ส่งออกกว่า 80% ของรายได้ กระจายไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และพยายามไม่ให้ประเทศใดมีสัดส่วนเกิน 10% ของรายได้รวม”

สิ่งนี้ไม่ได้ทำเพราะสงครามภาษีเพิ่งเกิดขึ้น แต่เราทำมาตลอด 15 ปี เพราะเรารู้ว่าโลกไม่เคยหยุดนิ่ง เราเคยผ่านโควิด-19 เราเคยเจอปัญหาต้นทุนที่ผันผวน รู้ดีว่า “ถ้าประตูบานหนึ่งปิด อีกหลายบานต้องเปิดได้”

นอกจากการกระจายความเสี่ยงที่เป็นกลยุทธ์สำคัญมาโดยตลอดของ SAPPE แล้วอีกหนึ่งหัวใจสำคัญคือ “การสร้างแบรนด์” เพราะ SAPPE ไม่ได้แข่งแค่ราคาหรือต้นทุนการผลิต แต่แข่งด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์และคุณภาพของสินค้า “แบรนด์ที่แข็งแรงคือภูมิคุ้มกันของธุรกิจที่ดีที่สุด”--คุณอเนกกล่าว 

คำถาม: เราวางแผนกลยุทธ์รับมือ “Deglobalization” อย่างไร?

คุณอเนก ย้ำว่า สิ่งที่เราเผชิญอยู่นี้ไม่ใช่แค่มาตรการภาษีชั่วคราว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันคือ ‘การเปลี่ยนทิศของโลก’ SAPPE จึงไม่มองแค่วันนี้ แต่เตรียมพร้อมสำหรับวันข้างหน้า โดยเน้นกลยุทธ์ Scenario Planning หรือการวางแผนในหลายฉากทัศน์ เพื่อให้พร้อมตอบสนองทันทีหากสถานการณ์เปลี่ยน

เพราะเรายังไม่รู้ว่าทิศทางสงครามภาษีจะไปจบตรงไหน อาจพาเราไปผิดทาง ดังนั้นจึงต้องเน้นความยืดหยุ่นทางกลยุทธ์ และเปิดช่องปรับตัวไว้เสมอ

นอกจากนี้ SAPPE ยังพิจารณาปรับวิธีตั้งราคา เพราะการขึ้นราคาสินค้าไม่ใช่ทางออกเสมอไป บางครั้งอาจทำให้สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน

คำถาม : SAPPE มองเห็น “โอกาส” อะไรจากวิกฤตรอบนี้?

คุณอเนก ระบุว่า เมื่ออเมริกากำลังกดดันประเทศอื่น โลกทั้งใบจะต้อง ‘หาเส้นทางใหม่’ และนั่นคือจังหวะที่ดีของผู้เล่นรายอื่นที่พร้อมจะก้าวขึ้นมา” “เศรษฐกิจโลกไม่ได้โตอยู่ที่อเมริกาอีกต่อไป”

วันนี้ SAPPE มองไปที่เอเชีย ยุโรป และกลุ่มตลาดใหม่ที่ยังมีศักยภาพอีกมาก เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร เพราะของกินของใช้ยังไงก็ยังคงอยู่ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือร้าย ผู้คนยังคงต้องบริโภค SAPPE ก็พร้อมปรับตัวตาม

คำถาม: ท่ามกลางความไม่แน่นอน การเติบโตยังเป็นไปได้จริงหรือ?

คุณอเนก ยอมรับว่า แม้เราทำธุรกิจมานาน แต่ไม่มีปีไหนง่าย ทุกปีมีความยากในแบบของมัน แต่ 3ปีที่ผ่านมา SAPPE ก็พิสูจน์ว่าเราโตอย่างต่อเนื่อง   สิ่งที่เราอยากได้อยู่ข้างนอก แต่สิ่งที่เราควบคุมได้อยู่ข้างใน 

ปีนี้ (2568) เราก็ปรับเป้าการเติบโตลงมาเหลือ 15% จากเดิม 20-25% จะเห็นการเติบโตชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป 

ส่วนในการแก้ปัญหาที่รัฐบาลประเทศต่างๆต้องไปเจรจากันนั้น SAPPE หวังว่าผู้นำในทุกประเทศจะไม่เจรจาเพื่อผลประโยชน์เฉพาะชาติเท่านั้น แต่คิดถึงความเป็นเพื่อนบ้าน เป็นพาร์ตเนอร์ เพราะโลกจะอยู่รอดได้ด้วย “การเติบโตไปด้วยกัน” ไม่ใช่แข่งขันแล้วมีผู้แพ้เพียงฝ่ายเดียว

ขณะเดียวกันก็มองว่าในสถานการณ์แบบนี้ เราอยู่คนเดียวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แม้ธุรกิจเราจะยังอยู่ได้ แต่ถ้าภาคธุรกิจอื่นล้ม เราก็ล้มเหมือนกัน “คนรุ่นใหม่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางโลก เพราะเขามีจิตสำนึกแบบ Global Citizen มากขึ้น”

บริษัทคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่กล้าออกไปทำอะไรในต่างประเทศมากนัก แต่เชื่อว่าคนไทยมีศักยภาพ SAPPE  จะเป็นแรงบันใจให้ธุรกิจไทยที่สามารถเติบโตในตลาดต่างประเทศได้  

สำหรับปัจจุบัน SAPPE มีสินค้า 5 categories ที่สร้างสรรค์โดย Sappe players และ partner ทางธุรกิจ สามารถครองผู้นำตลาดเครื่องดื่ม Functional ในไทยด้วยแบรนด์ เซ็ปเป้ บิวติ  มายาวนาน และมีสินค้าที่ผลิตด้วยวัตถุดิบจากเกษตรไทยแบรนด์ โมกุ โมกุ, เซ็ปเป้ อโลเวร่า และออลโคโค่ จำหน่ายใน 100 ประเทศทั่วโลกด้วยเป้าหมายจะสร้างแบรนด์ “SAPPE” แบรนด์ไทยแบรนด์นี้ ให้เป็นแบรนด์ระดับโลกให้ได้

รับชมรายการ “Hot Issue”เรื่องร้อนต้องรู้ ทางช่อง SET Zooom In ได้ที่ VDO ด้านล่างนี้

แชร์
เปิดกลยุทธ์ SAPPE กับการรับมือความท้าทายในวันที่โลกการค้าเปลี่ยนทิศ