ทำไมราคาหมูแพงที่สุดในรอบ 2 ปี?ตามหาหมูกระทะใกล้ฉันราคาแพงขึ้นหรือไม่?
ในเดือนเมษายน 2568 คนไทยจำนวนไม่น้อยเริ่มรู้สึกว่า “ทำไมราคาหมูถึงแพงขึ้นอีกแล้ว?” โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ราคาหมูหน้าฟาร์ม หมูเนื้อแดง และหมูสามชั้น ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกมาระบุชัดเจนว่า ราคาหมูในเดือนเมษายน 2568 นั้นเป็นราคาที่ขึ้นไปแตะ “ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี” และราคาหมูที่สูงขึ้นนี้กำลังส่งผลกระทบทั้งต่อผู้บริโภค ผู้ประกอบการอาหาร ไปจนถึงเกษตรกรรายย่อย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาไปดูว่า อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ราคาหมูแพงขึ้น ?และแนวโน้มจะผ่อนคลายหรือยืดเยื้อต่อเนื่องตลอดทั้งปีหรือไม่ ?
ราคาหมูพุ่งแรงทั่วทั้งห่วงโซ่การผลิต
ข้อมูลจาก KResearch ระบุว่า ณ เดือนเมษายน 2568
- ราคาหมูหน้าฟาร์ม เพิ่มขึ้นเป็น 75 บาท/กก. จาก 69 บาท/กก. ในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้น 14.1%
- หมูเนื้อแดง อยู่ที่ 147 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจาก 132 บาท/กก. หรือโต 15.0%
- หมูสามชั้น แตะ 203 บาท/กก. สูงที่สุดในรอบ 2 ปี เพิ่มขึ้น 7.2% จากปีก่อน
จะเห็นได้ว่าราคาหมูทุกส่วนปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม–เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่คนไทยนิยมบริโภคหมูในเทศกาลสำคัญอย่างสงกรานต์และราคานี้ยังไม่มีแนวโน้มจะลดลงในระยะสั้น
ปัจจัยที่ทำให้ราคาหมูแพง
- ผลผลิตลดลงจากอากาศร้อน ผลสำรวจพบว่า ปริมาณหมูในระบบปัจจุบันลดลงราว 2.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สาเหตุหลักคือ อากาศร้อน - อุณหภูมิที่สูงขึ้น ในช่วงฤดูร้อน ทำให้หมูโตช้า และบางส่วนตายก่อนถึงวัยที่สามารถขายได้
- ต้นทุนการเลี้ยงหมูเพิ่มขึ้น ราคาอาหารสัตว์ปรับขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะข้าวโพดอาหารสัตว์ (+2.3%) และถั่วเหลือง (+3.1%) เกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้บางรายเลือกหยุดกิจการหรือเลี้ยงลดลง
- อุปสงค์พุ่งช่วงสงกรานต์ ความต้องการบริโภคหมูเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล ทำให้ราคายิ่งขยับตัวเร็วขึ้น โดยเฉพาะร้านอาหาร โรงแรม และตลาดสดที่ต้องแย่งชิงวัตถุดิบคุณภาพในปริมาณจำกัด
- โครงสร้างอุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ หลังจากผ่านโรค ASF (African Swine Fever) ที่ระบาดในปีก่อนหน้า หลายฟาร์มยังไม่สามารถกลับมาเลี้ยงหมูได้เต็มระบบ ผู้เลี้ยงรายเล็กบางรายยังขาดทุนสะสม และไม่สามารถลงทุนใหม่ได้
ผลกระทบที่กระจายวงกว้างจากราคาหมูที่แพงขึ้น
ราคาหมูที่สูงขึ้น ส่งผลต่อผู้เล่นทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุปทาน
- เกษตรกรรายย่อย - แม้ราคาขายหมูจะสูงขึ้น แต่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น (ทั้งอาหารสัตว์ ยา และค่าแรง) ทำให้บางรายยังไม่มีกำไร บางส่วนถึงขั้นเลิกเลี้ยง
- ผู้ประกอบการจำหน่ายหมู - ผู้ค้าหมูในตลาดสดต้องแบกรับต้นทุนหน้าฟาร์มสูงขึ้น หากปรับราคาขายมากเกินไป อาจสูญเสียลูกค้า
- ผู้ผลิตหมูแปรรูป - เช่น หมูกรอบ หมูแดดเดียว หรือหมูยอ ต้องปรับสูตร ลดขนาดชิ้น หรือเพิ่มราคาสินค้า
- ร้านอาหารและผู้บริโภ - ภัตตาคารและร้านอาหารริมทาง ร้านหมูกระทะ อาจต้องปรับเมนูหรือหันไปใช้เนื้อทางเลือก เช่น ไก่ ปลา หรือเนื้อวัวแทน หรือไม่อย่างนั้นก็อาจต้องเพิ่มราคาหรือลดปริมาณเพื่อรักษาต้นทุน
แนวโน้มครึ่งหลังปี 2568 ยังต้องจับตา คาดราคาหมูปี 68 แพงกว่าปีก่อน
แม้จะมีการคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 สภาพอากาศที่ร้อนจัดจะคลี่คลายลง และปริมาณหมูในระบบจะเริ่มทยอยเพิ่มขึ้น แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังประเมินว่าราคาหมูทั้งปี 2568 จะยังเพิ่มขึ้น 2.6% จากปีก่อน นั่นแปลว่า ซื้อหมูปีนี้แพงกว่าปีที่แล้ว โดยราคาหมูเนื้อแดงอาจเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 3.7% ส่วนหมูสามชั้นอาจเพิ่มเฉลี่ย 4.8% ซึ่งหมายความว่าถึงแม้จะไม่พุ่งแรงเท่าในช่วงต้นปี แต่ราคาหมูในปีนี้ก็อาจยังคงอยู่ในระดับสูง และส่งผลต่อราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่อเนื่อง
ราคาหมูแพงในปี 2568 ไม่ได้เกิดขึ้นแบบฉับพลัน แต่เป็นผลจากหลายปัจจัยสะสม ทั้งสภาพอากาศ ต้นทุนการผลิต และโครงสร้างอุตสาหกรรมหมูไทยที่ยังเปราะบางจากโรคระบาดในอดีต
หากไม่มีมาตรการเฉพาะจากภาครัฐในการช่วยเหลือฟาร์มรายเล็ก ควบคุมต้นทุนอาหารสัตว์ หรือเพิ่มประสิทธิภาพในระบบปศุสัตว์ โอกาสที่ราคาหมูจะกลับเข้าสู่ระดับที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายอาจต้องรอไปจนถึงปีหน้า
ที่มา:ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
