สนธิญา ยื่นหนังสือร้อง ดีเอสไอ รับเรื่องดำเนินคดี "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์"ขายทองออนไลน์ เพราะคดีนี้ยังไม่มีเจ้าภาพ หวั่นกระบวนการล่าช้า
นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางมายื่นหนังสือกรมสอบสวนคดี ดีเอสไอ เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินคดี ต่อ "แม่ตั๊ก กรกนก" และ กานต์พล เรืองอร่าม หรือ "ป๋าเบียร์" ที่มีเรื่องเกี่ยวกับขายทอง ทางออนไลน์ และทำให้เกิดปัญหา ต่อประชาชน จำนวนมาก ทั้งใน กรุงเทพมหานคร ต่างจังหวัด และต่างประเทศ เพื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาตาม พรบ. การสอบสวนคดีพิเศษ 2547 หมวด 3 มาตรา 21 (ก) (ข) ประกอบ 41 ความผิด ที่อยู่ในอำนาจ ของ DSI
โดยนายสนธิญา เห็นว่ากรณีของแม่ตั๊ก การซื้อขายทองผ่านระบบออนไลน์และไม่ได้มีทีเดียวที่ได้รับข้อมูลมาที่มีการซื้อขายลักษณะแบบนี้ในระบบซื้อขายออนไลน์หลายเจ้า
ส่วนตัวมีประสบการณ์ก็ได้รับความเสียหายในการซื้อขของออนไลน์ เคยโอนเงิน 300- 900 บาทแต่ไม่ได้ของ วันนี้เมื่อเห็นรายละเอียดและได้ติดตามเรื่องนี้อยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็ได้มีการนำเรื่องมากราบเรียนทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากเชื่อมั่นในระบบการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ
ขณะนี้เรื่องนี้มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สคบ. ปคบ. หรือความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพ์ฯ และความผิดอื่นๆ ซึ่งเป็นคนละหน่วยงานกัน แต่ตอนนี้หน่วยงานหลายๆ ต้องบูรณาการการทำงาน เพราะขณะนี้ตนมองว่าหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการคดีแม่ตั๊กคือใคร อย่างสคบ. ถ้าเรียก 2-3 ครั้งแล้วไม่มา สคบ.ก็ต้องไปแจ้งความสถานีตำรวจที่ใดที่หนึ่ง แต่ถ้าเป็นดีเอสไอจะมีหน่วยงานที่ดำเนินการได้ครบถ้วน
ส่วนตัวมองว่าคดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการได้แบบครบวงจรและรวดเร็ว และบูรณาการ “ที่เดียวจบ” ไม่ต้องเหมือนปัจจุบัน
ที่สำคัญยังมีภาพของแม่ตั๊ก ไปนั่งกินข้าวกับนายตำรวจแต่ละฝ่าย ข้อเท็จจริงอาจไม่มีผลประโยชน์อะไรต่อกัน แต่ผู้เสียหายไม่สบายใจที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำคดีนี้ต่อไป จึงข้อให้ดีเอสไอไต่สวนคดีนี้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อผู้เสียหาย และรายอื่นๆ ที่ถูกฉ้อโกงจากการขายทองออนไลน์ และเชื่อว่ามีคนหนุนหลัง
ตนไม่ได้บอกว่าแม่ตั๊กฉ้อโกงประชาชน เรื่องนี้ต้องเป็นการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นต่อไปในอนาคต เพราะมีกรณีการขายทองออนไลน์หลายเจ้า จะขอให้มีการดำเนินคดีให้เป็นบรรทัดฐาน และเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างให้ผู้ประกอบธุรกิจแบบนี้ต่อไปในอนาคต
เบื้องต้นนายสนธิญา ระบุว่า ทางโฆษกดีเอสไอแจ้งว่ามีอยู่ 2-3 ข้อ ที่อยู่ในข่ายของกรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถดำเนินการได้ แต่ก็ต้องอาศัยหน่วยงานอื่น แต่ยังไม่มีหน่วยงานไหนได้ประสานขอความร่วมมือเข้ามา โดยทางดีเอสไอจะตรวจสอบว่าจะดำเนินการด้านใดได้บ้าง ซึ่งตนจะชี้เบาะแสในประเด็นกฎหมาย ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้น ทางดีเอสไอสามารถขอข้อมูลกันได้
คาดว่าผู้เสียหายกรณีทองแม่ตั๊กไม่ต่ำกว่า 400-500 คน ทั้งใน กทม. ต่างจังหวัด และต่างประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นความซับซ้อน หรือแม้กระทั่งเงินและทรัพย์สินอย่างมากมายก่ายกองมีที่มาอย่างไร ตรงนี้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการแบบครบวงจร โดยไม่ต้องไปรวมกันหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แล้วจะสรุปกันยังไง ใช้เวลาเท่าไหร่ ตนจึงเห็นว่ากรณีแบบนี้ที่มันซับซ้อน และเป็นเรื่องของจริยธรรม ความถูกต้อง เป็นเรื่องของปย.พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ดีเอสไอสามารถดำเนินการได้
ด้านพันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ออกมารับคำร้อง และหลังจากนี้ จะมอบหมายให้ทางกองบริหารประมวลเรื่องและนำเสนออธิบดีโดยเร็ว ซึ่งถ้าดูในข้อกฎหมายเบื้องต้นพบว่าคดีนี้จะเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายสองถึงสามประเด็น
1.กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
2.ฉ้อโกงประชาชน ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของดีเอสไอ
3.ถ้าเข้าข่ายฉ้อโกงปชช.และมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน อันนี้เรื่องฟอกเงินจะต้องมาดูว่าอยู่ในอำนาจหรือไม่ ทั้งหมดนี้จะมีการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป
ส่วนกรณีที่ปรากฏภาพของแม่ตั๊กนั่งรับประทานอาหารกับตำรวจจะมีผลต่อการพิจารณาหรือไม่ อย่างไร ตนต้องเรียนว่าเราจะดูตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงเป็นหลักว่าเรามีอำนาจทำการสืบสวนอย่างไร หากไม่ได้ปรากฏพฤติกรรมบ่งชี้ในเรื่องของการไปแทรกแซง ก็จะยังไม่มีประเด็นใด
ขณะที่การตรวจสอบของดีเอสไอจะดูทั้งพฤติการณ์การกระทำความผิด และจำนวนมูลค่าความเสียหาย จำนวนผู้เสียหาย ซึ่งจะต้องดูประกอบกัน นอกจากนี้ หากอธิบดีฯ ได้มีการมอบหมายให้ไปดำเนินการสืบสวนคดี เราก็จะไปทำการประสานข้อมูลคดีกับเจ้าของเรื่องในปัจจุบัน เช่น ตำรวจ ปคบ. และ สคบ. เพื่อการทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ กฎหมายเรื่องการฟอกเงิน ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นคดีพิเศษหรือไม่ แต่ถ้ามีทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป เช่นนี้ดีเอสไอจะมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบได้
อย่างไรก็ดี หากได้รับคดีแม่ตั๊กเป็นคดีพิเศษ ก็ต้องตรวจหาความผิดหลักก่อน เพราะคาบเกี่ยวหลายกองคดีในดีเอสไอ ทั้งนี้ในปัจจุบันยังไม่เจอพฤติการณ์เรื่องแชร์ลูกโซ่ หรือการระดมทุนของแม่ตั๊ก พบเพียงการรับฝากเงินไว้เพื่อซื้อทอง เมื่อเงินครบ แต่ก็ต้องไปดูรายละเอียดอีกครั้ง แต่ยังไม่ใช่การระดมเงินฝากโดยการประกาศผลตอบแทนแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่มีบุคคลผู้มีชื่อเสียงไปร่วมไลฟ์สดหรือรับรีวิวจะมีความผิดด้วยหรือไม่ก็ต้องดูพฤติการณ์ในแต่ละบุคคลก่อน และต้องดูเรื่องการรับค่าตอบแทนด้วย.
Advertisement