คนร้ายปลอมตัวเป็นไรเดอร์ บุกชิงทอง 205 บาท แต่หนียังไม่พ้นหน้าห้าง วินจยย.รับจ้างช่วยตะครุบตัว ส่งตำรวจทันควัน
เมื่อเวลาประมาณ 19.38 น. วันที่ 7 ต.ค. 67 เกิดเหตุคนร้ายบุกชิงทองที่ห้างทอง ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พื้นที่มหาชัย 2 ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยคนร้ายเป็นชาย 1 คน รูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายด้วยเสื้อคลุมไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกสีขาว ปิดบังใบหน้า สวมถุงมือผ้า นุ่งกางเกงขายาวสีดำ กระโดดข้ามตู้กระจกหน้าร้าน บุกเข้าไปชิงทองรูปพรรณบนแผงโชว์ ที่อยู่ด้านหลังของพนักงานสาว 3 คน ขณะกำลังอยู่หน้าร้าน
โดยกวาดสร้อยคอทองคำใส่กระเป๋าสะพายไปได้ 84 เส้น รวมน้ำหนัก 205 บาท จากนั้นคนร้ายได้กระโดดออกทางเดิมวิ่งหลบหนีไป ซึ่งภายหลังเกิดเหตุศูนย์วิทยุนรสิงห์ สถานีตำรวจภูธรเมืองได้รับแจ้ง จึงรีบระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับ แต่ปรากฏว่าคนร้ายหนีไปได้ยังไม่พ้นหน้าห้าง ก็ถูกพลเมืองดีที่เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง 3–4 คน ช่วยกันตามตะครุบตัวไว้ได้ และรอส่งตัวคนร้ายพร้อมของกลาง ให้กับ พ.ต.อ.วรพล ยิ่งเจริญ รองผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร และชุดสืบสวนฯที่รุดมายังที่เกิดเหตุ
โดยเบื้องต้นพบในกระเป๋าสะพายของคนร้ายมีสร้อยคอทองคำที่ชิงมาทั้งหมด อีกทั้งยังมีมีดพับ 1 เล่ม อาวุธปืนปลอม 1 กระบอก และระเบิดทำมืออีก 2 อันทราบชื่อต่อมาคือ นายคำพันธ์ ศรีหาสุข อายุ 24 ปี เป็นชาวจังหวัดอุทัยธานี นอกจากนี้จากการตรวจสอบยานพาหนะที่คนร้ายจะใช้ขี่หลบหนีนั้น ยังพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ถูกพ่นสีสเปรย์ให้เป็นสีขาวทั้งคัน และถูกถอดแผ่นป้ายทะเบียนออก อีกทั้งยังพบหมุดปักกระดาษที่คนร้ายเตรียมไว้โรยบนพื้น หากมีใครขับรถไล่ตามอีกด้วย
ขณะที่นายคำพันธ์ คนร้ายรายนี้ยังไม่ยอมให้ปากคำใดๆ ถึงสาเหตุของการชิงทองพูดจาคล้ายกับคนเลื่อนลอยไม่รู้เรื่อง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไปให้พนักงานร้านทองชี้ตัว ก่อนที่จะนำตัวไปทำการสอบปากคำต่อไปที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร
จากการสอบถามพลเมืองดีที่เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง โดยรายแรก เล่าว่า ตนเองกำลังจะขึ้นรถขี่กลับบ้านแล้ว แต่เห็นคนร้ายวิ่งออกมา แล้วมีคนวิ่งตาม โดยคนร้ายได้ขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่ออกมาทางที่ตนยืนอยู่ ตนจึงได้ตัดสินใจขี่รถพุ่งชนจนจักรยานยนต์ของคนร้ายล้มลง จากนั้นคนร้ายก็ยังคงวิ่งหนีต่อไป พวกจักรยานยนต์รับจ้างที่นั่งอยู่เห็นเหตุการณ์ จึงได้ช่วยกันวิ่งไล่ตามไป โดยมีคนหนึ่งถีบคนร้ายลงคลอง พอคนร้ายตะกายขึ้นฝั่ง คนที่เหลือก็ช่วยกันจับตัวคนร้ายไว้ได้ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึง
Advertisement