นาที"สนธิ" กอดอธิษฐานให้ "ชูวิทย์" น้องรักหายป่วย ลืมทุกเรื่องที่ผ่านมา
นาที "สนธิ" กอดอธิษฐาน ให้ "ชูวิทย์" น้องรักหายป่วย ลืมทุกเรื่องที่ผ่านมา ชูวิทย์ อวยพรให้พี่ชายเจริญๆ มีกำลังปราบมารต่อไป ส่วนผมเห็นปลายทางแล้ว
คอนเทนต์แนะนำ
วันนี้ (7 พ.ย.) ณ บ้านพระอาทิตย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือผู้จัดการ นำคณะผู้บริหาร พนักงาน ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 9 รูป เนื่องในโอกาสครบรอบวันก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ครบรอบ 34 ปี และเนื่องด้วยเป็นวันคล้ายวันเกิดของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุครบรอบ 77 ปี ซึ่งในงานได้มีแขกคนสำคัญหลายคนที่เข้ามาร่วมอวยพรในวันเกิดอาธิ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พลตํารวจตรี วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท.
โดยช่วงเวลา 10:30 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ทันทีที่ได้เดินทางมาถึงบ้านพระอาทิตย์ นายสนธิ ได้เดินเข้าไปประคองตัวนายชูวิทย์และโผเข้ากอด พร้อมกับบอกว่า ”น้องรักเอ็งกอดพี่แน่น ๆ ขอหายใจเข้าลึก ๆ “และกล่าวต่อว่าจะถ่ายพลังที่ตนเองได้ปฎิบัติธรรมให้กับนายชูวิทย์ พร้อมกับกล่าวต่อว่า “หายใจเข้าลึก ๆ พุทธ หายใจออกโท ” พร้อมอธิษฐานที่ได้สะสมบุญบารมีที่ตนมีมอบให้กับนายชูวิทย์ ที่เป็นน้องรัก และก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพร้อมกับให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ
ก่อนที่นายชูวิทย์ จะมอบพวงมาลัยที่เตรียมมามอบให้นายสนธิ โดยนายชูวิทย์ บอกว่า "ขอบคุณพี่ที่อวยพร ขอให้พี่เจริญๆ ขอให้พี่มีกำลังใจที่เข้มแข็ง และช่วยปราบพวกมารต่างๆ ขอให้พี่ทำหน้าที่นี้ให้คนไทยสังคมไทย ส่วนผมเห็นปลายทางแล้ว"
ก่อนที่นายสนธิ จะบอกว่า "ไม่ๆชูวิทย์ยังต้องอยู่ต่อ ชูวิทย์เป็นคนมีคุณูปการต่อสังคม ไม่ด้านใดด้านหนึ่ง พี่คิดว่าประชาชนทั้งหมดเขาซาบซึ้งจริงๆที่ชูวิทย์ทำ แล้วทุกคนทุ่มเทกำลังใจให้ชูวิทย์ให้หาย พี่บอกมานานแล้วว่าพี่ลืมไปแล้ว พี่รู้แต่ว่าชูวิทย์เป็นน้องพี่ ไม่ต้องมาขอโทษพี่ มาให้พี่กอด เท่านั้นเป็นสิ่งที่พี่ต้องการ
ก่อนที่นายชูวิทย์จะบอกว่า มาถูกวัน มาวันที่พี่ไม่ด่าผม นายสนธิบอกว่า "ไม่...โถ่เอ้ย เอ็งจำได้ไหมเอ็งก็เคยมาหาพี่วันเกิด" ก่อนที่นายชูวิทย์จะตอบว่า "จำได้"
จากนั้นทั้งคู่ก็จูงมือกันเข้าไปด้านในในบ้านพระอาทิตย์ ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มารอติดตามทำข่าว
หลังจากนั้นนายสนธิ ได้ประคองตัวนายชูวิทย์ เดินเข้าไปยังห้องรับรองภายในบ้านพระอาทิตย์ และอนุญาตให้สื่อมวลชนนั้นถ่ายภาพบรรยากาศ ซึ่งสังเกตว่านายชูวิทย์มีท่าทีที่อ่อนแรง หายใจเหนื่อยหอบ ต้องพยายามประคองตัวเองไม่ให้ล้ม ก่อนที่จะนั่งบนโซฟาคู่กับนายสนธิ
โดยนายชูวิทย์ ได้กล่าวว่า วันนี้ตนเองได้มาให้กำลังใจและกล่าวคำขอโทษ ต่อพี่สนธิ ในฐานะที่เป็นรุ่นน้องโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา เพราะตนเองอยู่ช่วงปลายของชีวิต พร้อมกับขออวยพรวันเกิด สิ่งใดที่ล่วงเกิน ก็ขอให้อภัยน้องอย่างตน เพราะตนเองไม่มีเจตนา อาจมีความเห็นไม่ตรงกัน และวันนี้พี่สนธิมีน้ำใจที่ให้อภัยตน แต่ก็มีบางคนที่ไม่ควรให้อภัย และต้องทำหน้าที่ปราบมารต่อไป เพราะบางคนกรรมมากไม่สามารถหลีกหนี ขอให้พี่สนธิทำหน้าที่รับใช้สังคมต่อไป ส่วนตนนั้นได้เวลาพักผ่อนในช่วงปลายของชีวิต และให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น หลังจากนี้ตนเองก็คงไม่ออกมาให้สัมภาษณ์สื่ออีกแล้ว และต่อไปก็ต้องเดินหน้าเคลียร์คดีที่ยังมีอยู่ พร้อมกับยืนยันว่าตนเองไม่ได้หนี ป่วยหนักและศาลก็มีเมตตา
ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวว่า นายชูวิทย์ ได้ทำประโยชน์ต่อสังคมหลายอย่าง และเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง และตนเองได้ลืมความขัดแย้งระหว่างกันไปทั้งหมด ทุกครั้งยังนึกถึงและเป็นห่วงตลอดเวลา ส่วนความขัดแย้งในอดีตนั้นตนเองและนายชูวิทย์สวมหมวกคนละใบ เพราะเป็นหน้าที่แต่ละคนต้องทำ แต่ไม่เคยโกรธถึงขั้นต้องมาฆ่ากันให้ตาย
ส่วนนายชูวิทย์ได้ฝากนายสันธนะว่าฝากความคิดถึงถึงตน และอยากเข้ามาขอโทษ ตนจึงบอกว่าไม่ต้องฝากมา แต่ขอให้เข้ามาให้ตนเองนั้นได้กอด เพราะเป็นรุ่นน้อง และรู้สึกรักเหมือนน้องแท้ๆ และเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศเอาใจช่วยและอวยพรให้นายชูวิทย์นั้นหายจากโรคภัยไข้เจ็บ พร้อมกับตนเองก็ได้กอดเพื่อภาวนาจิตใจด้วยบุญบารมีที่มีอยู่ มอบให้กับนายชูวิทย์และขอให้อาการดีขึ้น และหากอดีตที่ผ่านมาเคยได้ล่วงเกิน ก็ขอให้นายชูวิทย์นั้นอภัยกับตน พร้อมกับให้สัจวาจากับนายชูวิทย์ต่อหน้าสื่อมวลชน ว่าจะเดินหน้าขับไล่คนชั่วตามคำแนะนำของนายชูวิทย์.
Advertisement
