เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 63 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าที่ จ.ปทุมธานี มีครอบครัวอยู่กันด้วยความยากลำบาก เพราะลูกชาย คือ นายเฉลิมสุข สุขเจริญ อดีตนักแต่งเพลงลูกทุ่งชื่อดัง หรือชื่อที่รู้จักกันในวงการ "บอย แว่นตาใส" ซึ่งได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย วันนี้ตาทั้ง 2 ข้างบอดสนิทจากโรคต้อหิน แถมยังป่วยด้วยอาการปวดท่อปัสสาวะบวมอักเสบ รอการผ่าตัด แต่ไม่มีเงิน ลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา 5,000 บาทก็ไม่ได้
ทีมข่าว "อมรินทร์ทีวี" ได้เดินทางไปบ้านเลขที่ 61/67 หมู่บ้านเจษฎา 9 ซอยหลังวัดกลางคลองสี่ หมู่ 5 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านของนายเฉลิมสุข สุขเจริญ อายุ 46 ปี อดีตนักแต่งเพลง ที่ปัจจุบันตาไม่สามารถมองเห็นได้ทั้ง 2 ข้าง ต้องอาศัยอยู่กับน้องสาว เป็นบ้านทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว อาศัยอยู่ด้วยกัน 4 คน รวมทั้งแม่ที่ป่วยอัมพฤกษ์ซีกซ้าย
นายเฉลิมสุข เปิดเผยว่า เมื่อก่อนมีอาชีพเป็นนักแต่งเพลงอิสระ และทำดนตรีไม่มีสังกัด เคยแต่งเพลงให้กับนักร้องลูกทุ่งชื่อดังหลายคน เช่น ต้อยหมวกแดง, ยิ่งยง ยอดบัวงาม, เจเน็ตเขียว, อัมพร แหวนเพชร, สุดา ศรีลำดวน, ดำรง วงศ์ทอง และ วันชนะ เกิดดี แต่เมื่อตอนน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ตนจมน้ำครำแถวคลองสี่ แต่ก็รีบล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเปล่า แต่หลังจากนั้นสายตาตนก็เริ่มพร่ามัว ตอนแรกคิดว่าสายตาสั้นเพิ่ม พอหลังจากน้ำลดจึงไปหาหมอ พบว่าเป็นต้อหินเฉียบพลัน และเป็นความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือดสูง จากนั้นตาก็เริ่มมองไม่เห็นก่อนจะบอดสนิท จึงคิดจะฆ่าตัวตายเพราะไม่สามารถใช้ชีวิตได้แล้ว แต่ยังดีที่แม่เตือนสติและปลอบใจ แล้วชีวิตของตนก็ต้องเปลี่ยนไป
นายเฉลิมสุข กล่าวต่อว่า ช่วงที่ตามองไม่เห็นก็ได้ "วันชนะ เกิดดี" มาซื้อเนื้อเพลงประมาณ 100,000 บาท และนักร้องคนอื่น ๆ ก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ บ้านหลังที่ตนใช้อยู่อาศัยยังต้องผ่อนอยู่ เดือนละ 6,700 บาท ตนต้องหาเงินวันต่อวัน เดือนต่อเดือน พยายามสู้ชีวิตด้วยการเขียนเพลงไปขายให้กับนักร้องที่มีชื่อเสียงและไม่มีชื่อเสียง โชคดีที่มีคนรู้จักได้ช่วยหาคนซื้อเพลงมาให้ นอกจากนี้ตนยังไปร้องเพลงกลางคืน 6-7 เดือนที่ผ่าน ได้คืนละ 400-500 บาท แต่ก็มาประสบปัญหาโรคโควิด-19 ระบาด ทำให้ต้องหยุดไปก่อน โดยตนจะมีค่าใช้จ่ายเดือนละประมาณ 10,000 บาท ค่าน้ำค่าไฟ 300-400 บาท ค่าบ้าน 6,700 บาท ที่เหลือก็เป็นเงินค่าใช้จ่ายซื้อกับข้าว
นอกจากนี้ ตนยังได้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 5,000 บาท เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2563 ตอนแรกมี SMS มาแจ้งว่า ได้รับสิทธิ์ แต่เมื่อเข้าไปดูแล้วพบว่าบัญชีและชื่อไม่ตรงกัน ตนก็ได้เข้าไปแก้ไข และโทรไปแจ้งที่ธนาคาร (กรุงไทย) ทางธนาคารให้ไปทำพร้อมเพย์ ตนก็ไปทำให้แล้ว โดยธนาคารบอกว่า เงินจะเข้าไม่เกินวันที่ 8 พ.ค. 2563 แต่เมื่อเช้าเช็คแล้วก็ยังไม่ได้
ด้านนางบุญตา สุขเจริญ อายุ 68 ปี แม่ของนายเฉลิมสุข ซึ่งเป็นอัมพฤกษ์ซีกซ้าย กล่าวว่า ขณะนี้ครอบครัวของตนพักอาศัยกันอยู่ 4 คนประกอบ ด้วย ตนเอง นายเฉลิมสุข ลูกสาวคนเล็ก ที่เป็นเจ้าของบ้าน และหลานชาย รายได้ส่วนใหญ่มาจากลูกสาวคนเล็ก ทำงานถ่ายเอกสาร ได้เงินเดือนละประมาณ 12,000 บาท โดยจะให้ตนเป็นรายสัปดาห์ 300-500 บาท ตนก็นำเงินไปข้าวสาร ซื้อไข่ไก่ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาตุนไว้
นอกจากนี้ลูกสาวคนเล็กยังต้องจ่ายเงินค่าเช่าบ้านเดือนละ 7,400 บาท ค่าน้ำ 200 กว่าบาท ค่าไฟ
400 กว่าบาท ตนเองก็ยังพอช่วยเหลือครอบครัวได้บ้างโดยได้เงินคนชราจากรัฐบาลเดือนละ 600 บาท และเงินผู้พิการ 800บาท ปกติหากโรงเรียนหลานชายเปิดก็จะให้เงินวันละ 30 บาท แต่ช่วงนี้โรงเรียนปิดเทอม ก็จะให้เฉพาะวันที่มาขอไปซื้อขนมเพียงเท่านั้น ทุกวันนี้ตนต้องหาข้าวให้นายเฉลิมสุขกิน แต่ถ้าไม่มีอะไรกิน ก็ต้องอดมื้อกินมื้อ ตนหวังว่าอยากให้ลูกชายได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท เพื่อมาจุนเจือครอบครัว
Advertisement