วันที่ 16 พ.ย. 67 หลังจากเจ้าอาวาสวัดสามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรีได้มีการออกหนังสือขับ พระครูปลัดธีระฯ หรือ พระปีนเสา ให้พ้นจากวัดสามชุก โดยคำสั่งมีผลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 67 เป็นต้นไป
ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้เกิดกระแสความสนใจของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวบนโลกโซเชียลอย่างเผ็ดมันส์
ทั้งนี้พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้ออกมาแจ้งถึงหนังสือคำสั่งดังกล่าว พร้อมกับแสดงจุดยืนในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ประธานพระวินยาธิการภาค14 ที่จะมีการทำงานในการแก้ปัญหาข้อร้องเรียนของอธิกร และภาพลักษณ์ของพระภิกษุสงฆ์ในพื้นที่ปกครองดูแล
ขณะที่นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร หรือ ทนายพจน์ นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย แสดงความเห็นว่า เป็นการปิดตำนานพระปีนเสาไปเรียบร้อยแล้วเนื่องจากใครเตือนก็ไม่ฟัง ใครเตือนก็ไม่ได้ พฤติกรรมสุดท้ายคือการที่เดินทางไปที่สถานีโทรทัศน์ช่อง3 ซึ่งก่อนหน้าเจ้าอาวาสวัดสามชุก ได้มีคำสั่งให้กลับวัดภายใน 7 วัน แต่วันรุ่งขึ้นก็มีการเดินทางไปที่กองปราบปรามอีก กระทั่งวันที่ 11 พ.ย. 67 เจ้าอาวาสวัดสามชุกก็ได้มีการออกหนังสือให้มีการควบคุมพฤติกรรมต่างๆ และให้อยู่ในสังกัดวัด แต่เจ้าตัวก็หายตัวไป และไม่กลับเข้ามาที่วัดอีกเลย และในวันที่ 15 พ.ย. ท่านเจ้าอาวาสวัดสามชุกก็ได้ออกหนังสือฉบับที่3 คือสั่งให้พ้นจากสังกัดวัดสามชุกมีผลทันที
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีดังกล่าว ก็เป็นการนำเข้าสู่ของกฏของมหาเถรสมาคมข้อ 21 พ.ศ. 2538 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศในข้อที่3 (1) ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัย เรื่องเดียวกันหรือหลายเรื่องเป็นอาจิณให้เจ้าอาวาสวัด ซึ่งพระภิกษุรูปนั้นสังกัดหรือพํานักอาศัยมีอํานาจหน้าที่แนะนําชี้แจงตักเตือนให้พระภิกษุรูปนั้น ประพฤติตามพระธรรมวินัย เป็นลายลักษณ์อักษร โดยกําหนดเวลาให้ปฏิบัติ หากพระภิกษุรูปนั้นไม่ปฏิบัติตามคําแนะนําชี้แจงตักเตือนภายในเวลาที่กําหนด ให้เจ้าอาวาสซึ่งพระภิกษุรูปนั้นสังกัดหรือพํานักอาศัยรานงานโดยลําดับ จนถึงเจ้าคณะอําเภอเจ้าสังกัด เพื่อวินิจฉัยให้สละสมณเพศ
ซึ่งข้อนิ้ก็เข้ากฏแล้ว 1 ข้อ และยังมีข้อ 2 คือไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่งหรือไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ให้พระภิกษุผู้ดํารงตําแหน่งปกครองวัด หรือพระภิกษุผู้ดํารงตําแหน่งปกครองคณะสงฆ์ในเขตท้องที่ที่พบพระภิกษุรูปนั้นมีอํานาจหน้าที่วินิจฉัยให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้ ข้อนี้ก็เข้ากฏอีกเป็นข้อที่ 2 ซึ่งเจ้าคณะผู้ปกครอง หากพบเห็นไม่ว่าจะไปที่จังหวัดไหนภาคใดก็สามารถให้สละสมณเพศได้ทันที
นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวอีกว่า แล้วกรณีดังกล่าวเจ้าตัวจะมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์หรือยื่นคำร้องที่จะปฏิบัติตามได้หรือไม่ก็ต้องย้อนกลับไปดูที่ข้อ 5 คือข้อ 5 คําวินิจฉัยให้พระภิกษุสละสมณเพศตามข้อ 3 หรือข้อ 4 ให้เป็นอันถึงที่สุดนั่นหมายความว่าก็ไม่สามารถอุทรณ์ได้ และอีกประการคือข้อ 7 พระภิกษุผู้ต้องคําวินิจฉัยให้สละสมณเพศต้องสึกภายในสามวัน นับแต่วันทราบหรือถือว่าทราบคําวินิจฉัยนั้น ในกรณีที่พระภิกษุรูปนั้นไม่สึกภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้พระภิกษุผู้มีหน้าที่จัดการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณะเพศอารักขาต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายราชอาณาจักร เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคําวินิจฉัย
"คือถ้าไม่สึก เจ้าคณะผู้ปกครองท่านก็สามารถที่จะขอกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานบ้านเมืองที่จะสามารถมาดำเนินการควบคุมตัว เพื่อนำไปทำการสึกได้ ตรงนี้คือประเด็นที่สำคัญ ซึ่งถ้ายิ่งดื้อยิ่งไม่สนกระแสสังคมตัว พระปีนเสาเองนั่นแหละที่จะเดือดร้อน" นายศุภภัทร์พจน์ กล่าว
ขณะที่ในช่วงเวลาประมาณ 00.45 น. ในโซเชียลTiktok ชื่อพระครูปลัดธีระ ได้มีการโพสต์คลิปความยาวประมาณ 1 นาที โดยมีการตอบโต้ และแสดงการไม่เห็นด้วย ซึ่งได้กล่าวถึงนาย กัน จอมพลัง ทนายพจน์ และหลวงพี่น้ำฝน โดยมีลักษณะบอกว่าเป็นการกลั่นแกล้ง และเป็นพวกทำลายศาสนาที่มาจ้องทำลายตนเอง โดยขณะที่ก่อนหน้าได้มีการนำหนังสือจากเจ้าอาวาสวัดสามชุกในการสั่งให้ตนเองพ้นจากวัดสามชุกในวันนี้ และหนังสือราชกิจจานุเบกษามาตราที่ 27 ขึ้นมาแสดง และลงว่าเป็นกลุ่มขบวนการทำลายพระสงฆ์ และพระพุทธศาสนาปลุกระดมให้ความให้ร้ายพระครูปลัดธีระ โดยเบียดเบียนข้อกฎหมาย ทั้งนี้ในส่วนคอมเมนต์ต่างๆ ที่ปรากฏในห้องแสดงความคิดเห็นได้มีการสอบถาม และให้ความเห็นว่าพระครูธีระได้ผลจากสภาพความเป็นพระสงฆ์แล้ว
Advertisement