Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
กว่าจะไปได้แชมป์แกะสลักหิมะโลก เด็กไทยทำได้อย่างไร? เมื่อไทยไม่มีหิมะ!

กว่าจะไปได้แชมป์แกะสลักหิมะโลก เด็กไทยทำได้อย่างไร? เมื่อไทยไม่มีหิมะ!

29 ม.ค. 68
08:00 น.
|
266
แชร์

สัมภาษณ์พิเศษทีมนักวิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภาและครูฝึกคุมทีม เส้นทางการไปได้แชมป์แกะสลักหิมะโลกที่เมืองฮาร์บิน เด็กไทยทำได้อย่างไรเมื่อไทยไม่มีหิมะ

เป็นเรื่องน่ายินดีและน่าชื่นชมในความสามารถจนคว้าแชมป์แกะสลักหิมะ จากการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติประจำปี พ.ศ. 2568 ซึ่งจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 4 – 7 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้สำเร็จเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน สำหรับทีมนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา จากการแข่งขันทั้งหมด 55 ทีม จาก 8 ประเทศ จากผลงานที่ชื่อว่า "สายใยแห่งผู้พิทักษ์คู่แฝด: ผู้พิทักษ์และสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองวัฒนธรรม"

อมรินทร์ออนไลน์สัมภาษณ์พิเศษทีมนักศึกษาชุดดังกล่าว พร้อมครูฝึกสอนของทีม ถึงเส้นทางในการไปได้แชมป์แกะสลักหิมะโลก เด็กไทยทำได้อย่างไร เมื่อประเทศไทยไม่มีหิมะ โดยทีมดังกล่าวประกอบด้วย วรัชกร โชติสิริพัชร , ธนกฤต ใจเย็น , เพชรธรรม สุขสวัสดิ์ นักศึกษาชั้น ปวช.3 และ อภิโชค จันทนะ ชั้นปวช.2 รวมถึง ครูต้อม ศรชัย ชนะสุข ครูผู้ฝึกสอนในการแข่งขันครั้งนี้

จุดเริ่มต้นแข่งแกะสลักหิมะ

ครูต้อม : ต้องเท้าความก่อนว่าเราเคยไปแข่งขันแล้ว แต่ว่าด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่างเลยทำให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภาหยุดการแข่งขันไป ทางผู้อำนวยการได้มองเห็นว่ามันเป็นเวทีที่เหมาะสมสำหรับการประกาศศักยภาพของนักเรียน ก็เลยตัดสินใจร่วมเข้าแข่งขันครับ

อภิโชค : เรื่องของประสบการณ์ที่มันไม่ได้หาง่ายๆ ครับ พอเราได้รู้ว่าพวกเราจะได้ไป มันก็ไม่ได้มีข้อที่เราจะปฏิเสธ คือมันได้กับพวกเรา แล้วก็เรื่องอยากเล่นหิมะด้วยครับ

วรัชกร : ก่อนหน้านี้มีทีมของรุ่นพี่ปีที่แล้วที่ได้แชมป์รางวัลที่ 1 มาเหมือนกัน แล้วมาปีนี้มีพวกผมไปอีก จริงๆ แอบเครียดนิดนึงเพราะว่าปีที่แล้วเขาได้ที่ 1 มาครับ ปีนี้ถ้าไม่รักษาแชมป์ไว้ก็ต้องได้มากกว่านั้น

ครูต้อมเล่าวิธีการคัดเลือกเด็กเข้าร่วมทีมเพื่อไปแข่งขัน ฝีมือก็สำคัญแต่ที่สำคัญกว่าคือต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ดี เพราะการแข่งขันนี้ การทำงานเป็นทีมคือสิ่งสำคัญรองจากฝีมือ

ครูต้อม : ผมใช้วิธีการสังเกตพฤติกรรมที่ไม่ใช่แค่การเรียนครับ การอยู่ร่วมกันกับเพื่อน การมีน้ำใจในแผนก การมีความรับผิดชอบในการใช้ชีวิตอยู่ในวิทยาลัย ถามว่ามีคนที่มีฝีมือมากกว่าเขาไหม มีครับ แต่ด้วยความรับผิดชอบ ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่เป็นความเหมาะสมก็เลยต้องยกให้นักเรียนชุดนี้ไปครับ

อภิโชค : ผมเองอยู่ปี 2 พี่ๆ เขาสนิทกันอยู่แล้ว แล้วผมมาจากไหนไม่รู้ ก่อนหน้านี้ก็สนิทกันแต่น้อยกว่านี้ พอรู้ว่าต้องทำงานกับพี่ๆ ก็รู้สึกตกใจและกังวลนิดหน่อยว่าเขาจะอะไรกับเราหรือเปล่า แต่พอมาจริงๆ ทุกคนน่ารักดีครับ อาจารย์ก็ดี

วรัชกร : ส่วนผมก็ดีใจครับ เพราะว่าไม่เคยแข่งงานศิลป์มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกแล้วก็ได้ทำงานที่มากกว่าคนเดียว แล้วเป็นคนที่เราก็รู้จักอยู่แล้วด้วย ก็เลยน่าสนุกดีครับ

ธนกฤต : รู้สึกตื่นเต้น ดีใจด้วยครับ เพราะมันเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ได้ไปแข่งต่างประเทศ

เพชรธรรม : ส่วนผมพอรู้ก็ดีใจเหมือนกันครับ จะได้เล่นหิมะแล้ว ตื่นเต้นมากครั้งแรกที่ได้ไปต่างประเทศครับ

ฝึกอย่างไร เมื่อประเทศไทยไม่มีหิมะ

ครูต้อม : เราคุยเรื่องสเก็ตช์ว่าเราจะทำอะไรดี พอสเก็ตช์ลงตัวเราก็จะแบ่งหน้าที่กันครับว่าใครรับผิดชอบในส่วนไหน ผมจะแบ่งการซ้อมเป็น 3 สเต็ป สเต็ปที่หนึ่งผมจะให้นักเรียนเรียนรู้เรื่องการตัดโครงสร้างโดยใช้วัสดุอย่างดินเหนียว ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหนียว ยืดหยุ่น นิ่ม เหมาะสำหรับการตัดโครงสร้างในระยะแรก เพราะว่ามันจำเป็นต้องตัดหลายๆ ครั้ง อย่างก้อนนี้นักเรียนซ้อมกันเป็นสิบๆ ครั้งเลยครับ เพื่อที่จะได้ลองตัดโครงสร้างว่าในตำแหน่งนี้ เมื่อเป็นสเกลใหญ่แล้ว เราต้องวางแผนต้องคำนวณตัวเลขแล้วเราจะตัดไปเท่าไร เพราะมันจะมีความซับซ้อนเรื่องของตัวมิติโครงสร้างงานปั้นนิดนึง นักเรียนเลยต้องซ้อมเยอะหน่อย

พอเป็นสเต็ปที่สอง นักเรียนก็จะมาซ้อมกับตัวปูนผสมทรายในอัตราส่วน 1-1 คุณสมบัติมันจะเป็นเปราะๆ ครับ ซึ่งตัวนี้นักเรียนจะได้ฝึกกำลังแขน เพราะว่ามันจะได้กะเทาะ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับการไปแกะจริงๆ แต่มันจะแข็งกว่าตัวหิมะเล็กน้อย

สเต็ปที่สาม ผมแบ่งให้นักเรียนซ้อมกับตัวน้ำแข็ง เพื่อที่จะเรียนรู้เรื่องของสิ่วว่ามีประเภทไหนบ้าง ตัววีใช้ยังไง ตัวหน้าแบนใช้ยังไง แล้วก็ในส่วนสำคัญคือเรื่องของสุขภาพ ซึ่งผมได้ให้นักเรียนฝึกวิดพื้น เพราะจากประสบการณ์ปีที่แล้วผมให้นักเรียนไปวิ่ง แต่ขาแทบไม่ได้ใช้ มาเจ็บบริเวณไหล่หมดเลยครับเพราะเวลาทำงานจริง จะใช้แรงจากช่วงบนเป็นหลัก ปีนี้ผมเลยเน้นให้นักเรียนวิดพื้น หลังซ้อมแกะน้ำแข็งเสร็จ ผมก็เอาน้ำแข็งที่เหลือไปใส่ในซิงค์ให้นักเรียนแช่ เพื่อเป็นการฝึกให้นักเรียนได้ลองอยู่ในสภาวะที่มันเย็นๆ ตามสภาพอากาศประเทศที่เราต้องไปแข่ง

วรัชกร : ครูเขาจะเรียกตัวมาแล้วก็ถามสำรวจแต่ละคนเลยครับ ถามว่าทนความกดดันได้มากแค่ไหน เหมือนให้เตรียมใจไว้ว่าการแข่งมันต้องมีแลกเปลี่ยน ทั้งแรงกายแล้วก็แรงใจ อยู่ที่ว่าจะสู้ต่อได้ขนาดไหน

ธนกฤต : ฝึกออกกำลังกายทั่วไปครับ วิดพื้น ซิตอัพ วิ่ง ครับ

ความกดดันที่เจอในวันจริง

ครูต้อม - ในวันแรกผมสังเกตเห็นถึงความกังวลของเด็กๆ ครับ ว่ามันจะออกมาตามแบบสเก็ตช์ไหม และเขายังไม่กล้าที่จะลงมือทำ วันแรกผมก็เลยต้องไกด์ไลน์ให้ทุกคนมั่นใจในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบให้ได้ นักเรียนแต่ละคนก็จะไปอยู่ในด้านที่ตัวเองรับผิดชอบ แต่มันก็จะติดเรื่องของสเกล ซึ่งนักเรียนค่อนข้างงงในช่วงแรก เพราะสเกลที่พวกเขาต้องแกะมันค่อนข้างใหญ่ นักเรียนของเรายังไม่เคยผ่านการทำงานขนาดใหญ่มาก่อน ก็ต้องนำร่องให้ประมาณนึง พอนำร่องเสร็จปุ๊บทีนี้นักเรียนไหลไปได้เลย

แล้วผมเองจะเดินรอบก้อนหิมะก้อนนั้น เดินจับปัญหาในแต่ละด้าน สมมติไปเจอนักเรียนทำอยู่ด้านซ้าย ทำตรงนี้แล้วมันผิดพลาดเจอปัญหา ผมก็จะช่วยแก้ไขทำให้งานมันเดินต่อได้ แล้วก็จะควบคุมภาพรวมทั้งหมดให้กับนักเรียน ให้เป็นไปตามแบบสเก็ตช์มากที่สุดครับ

อภิโชค : พอเรารู้แล้วว่าเราต้องแกะก้อนไหน ด้วยสภาพบรรยากาศ สภาพอากาศ มันไม่คุ้นเคยเลยแล้วเราจะทำงานในอุณหภูมิแบบนี้จริงหรอ ก็แอบมีความกังวล แต่เราก็คิดอยู่ว่าเราต้องทำให้เต็มที่ คือกังวลแต่ก็อยากทำให้ถึงที่สุดครับ

ธนกฤต : ผมก็อึ้งเหมือนกันครับ เจอก้อนใหญ่ เจอบรรยากาศหนาวด้วย มันน่าจะทำงานยาก ก็เลยกดดันเลยครับ

วรัชกร : อย่างคนนี้ก็จะเป็นทางด้านหลัง เป็นหน้าสิงห์ไทยกับสิงห์จีน ส่วนของผมก็จะเป็นด้านข้างฝั่งขวา เป็นยักษ์จีนกับสิงห์ไทย ส่วนของคนนี้ก็จะเป็นด้านยักษ์ไทยกับสิงห์จีน ส่วนคนนี้ก็เป็นหน้ายักษ์ครับ แล้วคนนี้จะพิเศษหน่อยเพราะเขาจะได้ขึ้นข้างบนบ่อยด้วย

อภิโชค : พอเราเริ่มไปสักพักนึงเราก็จะรู้สึกว่าพอเรามาถึงขนาดนี้ เราหยุดไม่ได้แล้ว เราเหนื่อยได้นะแต่จะทำให้เต็มที่ ต้องลุยไปจนกว่าเวลาที่เขาให้มามันจะหมด

คาดหวังได้ที่สาม แต่กลับไปถึงรางวัลชนะเลิศ

วรัชกร : ดีใจครับ ภูมิใจมาก ตอนนั้นคือเป็นจุดที่ภูมิใจกับงานนี้ที่สุดแล้ว เพราะว่าสิ่งที่เราเคยสร้างจากฟอร์มที่อยู่ในกระดาษ เป็นดิน เป็นปูน จนในวันนั้นมันกลายเป็นงานเต็ม 100 % อย่างที่มันควรเป็นแล้ว เราสามารถสร้างงานงานนึงได้ขึ้นมา มันรู้สึกดีใจ สิ่งที่เราลงแรงไปมันส่งผลสำเร็จออกมาแล้ว

อภิโชค : งานเสร็จก็ดีใจเหมือนกันครับ รู้สึกว่า เออ...เราก็ทำได้เนอะ แต่เรื่องความกังวลนี่คือ งานเสร็จหายกังวลแต่พอจะประกาศรางวัล ก็กังวลรอบที่สองอีก คือเราดีใจมากที่งานเราเสร็จ แต่ก็กังวลว่ามันจะยังไงต่อ เพราะว่าปีที่แล้วรุ่นพี่เขาก็ได้แชมป์ใช่ไหมครับ เราก็มีความกังวลเล็กๆ ไม่เล็กล่ะครับ เยอะเลย (หัวเราะ)

ครูต้อม : เขามีความคาดหวังสูงครับ แต่ว่าส่วนหนึ่งเขาก็ทำใจรอไว้ เขาบอกว่าได้ที่ 3 ก็บุญแล้ว เพราะว่าทีมอื่น รูปแบบที่เขานำเสนอมันค่อนข้างจะใหม่สำหรับเขา ก็เลยทำให้เขาไม่กล้าที่จะให้ความหวังตัวเอง

อภิโชค : ในใจตอนนั้นสับสนไปหมดเลยครับ คือดีใจก็ดีใจ กังวลก็กังวล ตอนนั่งกันอยู่คือจับมือกันแน่น กัดฟันจนจะร้องไห้ หัวหน้าทีมของเราขึ้นไปรับรางวัล ส่วนพวกผมสามคนอยู่ข้างหลัง พอประกาศว่าเราได้ที่ 1 คือกอดกันดึงกัน ดีใจจนจะร้องไห้เลยครับ ดีใจมาก

เพชรธรรม : ดีใจครับ ตอนนั้นตัวสั่นเลย ขึ้นไปแล้วคือ อ้าว...เราได้ที่หนึ่งหรอ

อภิโชค : มันเป็นประสบการณ์ใหม่ เป็นการเปิดมุมมองอะไรใหม่ๆ ของเราครับ ว่าที่อื่นเขาทำงาน คิดงานกันอย่างไร เผื่อเอาไปใช้ในการสร้างงานต่อไป แล้วก็การเรียนในระดับที่สูงขึ้นครับ มันช่วยได้มาก

วรัชกร : จริงๆ มันก็ยากนะครับกับการที่เราไม่ได้มีหิมะเหมือนเขา แต่เราไปแกะอะไรแบบนั้นได้ อันนี้ต้องขอขอบคุณอาจารย์ต้อม เขาเป็นคนที่ทำปูนทรายนี้ขึ้นมาให้เราจำลองการแกะ ก็เลยพอรู้ฟีลมันว่าตอนไปแกะจริงๆ มันเป็นยังไง มันจะร่วนไหม จะแตกยังไงบ้าง มันทำให้ได้รับการปรับตัวตอนอยู่ที่นู่น

ถึงครูต้อม...ผู้ให้โอกาสสำคัญ

วรัชกร : ผมสนิทกับแก ก็มองแกเป็นพ่อคนหนึ่ง อาจจะมีติดเล่นกับแกบ้าง แต่ก็รักแกมาก แกเป็นคนนึงที่สอนเรา เลี้ยงดูเรา ตอนซ้อมแกก็ทำกับข้าวให้เรากินด้วย ก็รักแกมากครับ ขอบคุณแกด้วยที่ให้โอกาส

อภิโชค : ผมอยู่ปีสอง แต่ว่าได้อยู่กับเขาบ่อย อยู่ในช่วงที่เรียน ที่ทำอะไรบ้าง คุยเล่นบ้าง แล้วพอมางานนี้ที่เราต้องเจอกันทุกวัน เจอกันหลายเดือน ไปที่นู่นก็ต้องใช้ชีวิตด้วยกัน ก็รู้สึกอย่างแรกเลยคือต้องขอบคุณครับ ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสมาแข่งที่นี่ แล้วก็รู้สึกขอบคุณว่าถ้าไม่มีเขา เราก็อาจจะไม่ได้มาเจอกัน มันก็อาจจะไม่มีรางวัลนี้

ธนกฤต : อยากขอบคุณอาจารย์ต้อมครับ ได้พาผมไปหาประสบการณ์ไปแข่ง ขอบคุณที่ทำอาหารให้กินด้วยครับ อร่อยมากครับ

เพชรธรรม : ผมก็อยากขอขอบคุณเหมือนกันครับ ทุกอย่างที่อาจารย์เขาทำมา แล้วก็ขอโทษด้วยบางอย่างที่ผมพูดไปอาจจะขัดใจเขาหรือการกระทำผมขัดใจเขาหลายอย่างเลย ผมาก็อยากจะขอโทษครับ ขอโทษสิ่งที่ทำไป ผมไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งตัว ขอโทษครับ

ในฐานะคนอยู่เบื้องหลัง แต่กลับได้รับการเติมเต็มจากเด็กๆ

ครูต้อม : มันเป็นการเติมไฟให้กับตัวเองในการทำงานไปในทุกๆ ปีนะครับ ที่ผมมาอยู่ในจุดนี้ พอเรียนจบ ผมปฏิญาณกับตัวเองเลยว่าผมจะไม่อยู่ในระบบใดแม้แต่ระบบเดียว ผมอยากจะทำงานฟรีแลนซ์ แต่ว่าเนื่องด้วยเหตุปัจจัยที่ผมไม่สามารถเลี่ยงได้ ผมเลยต้องมาอยู่ที่นี่ ผมเคยคิดอยากจะออกไปหลายครั้งแล้ว แต่ว่าเด็กๆ พวกนี้ที่คอยเติมไฟในการทำงานให้ตลอดว่าอาจารย์ต้องอยู่นะ อยู่สอนพวกผม ก็นี่แหละครับ เขาเลยเป็นกำลังใจในการทำงานให้กับผมครับ

ดีใจที่ทำให้ภาพลักษณ์เด็กอาชีวะดีขึ้น

วรัชกร : ส่วนตัวผมมองว่าคนมันมีหลายประเภท ไม่ว่าจะสังคมไหนไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือเด็ก ก็มีคนหลายแบบ จะไปว่าเด็กอาชีวะทุกๆ คนเป็นเหมือนกันก็ไม่ใช่ แต่ละคนก็มีความเป็นตัวเองของเขา เราจะเอารสนิยมเราไปตัดสินเขาในแบบที่เราชอบไม่ชอบ มันดูไม่ใช่ครับ แต่ก็รู้สึกดีที่พวกผมได้ อย่างน้อยก็ไปลบๆ ความไม่ดีที่เขาคิดๆ กันอยู่ได้ ก็ดีใจครับ

อภิโชค : ดีใจครับที่ว่าเราไปในครั้งนี้ก็เหมือนเราได้แสดงให้คนบางกลุ่มเห็นว่า เด็กอาชีวะก็ไม่ใช่อย่างที่เขาคิด ผมว่าเดี๋ยวนี้คนก็เริ่มเปิดใจเยอะขึ้นแล้ว แล้วพอมีเรื่องแบบนี้ มันก็ยิ่งดีเลยที่ทำให้เด็กอาจจะมีทางเลือกเยอะขึ้น กล้าในการเลือกเรียนเยอะขึ้น เป็นเรื่องดีครับ แล้วก็ดีใจที่มีส่วนช่วยในตรงนั้นไม่มากก็น้อยครับ

ครูต้อม : ผมมองว่าศักยภาพของเด็กอาชีวะเราค่อนข้างจะมีคุณภาพเลย แต่ไม่รู้ทำไมผู้ใหญ่ถึงไม่ได้มองเห็นเรื่องตรงนี้ ไม่ได้มีการส่งเสริมที่ดีและถูกต้อง แทบจะเป็นกลุ่มหลังๆ ในความสำคัญ ซึ่งความสำคัญตรงนี้ ถ้าผู้ใหญ่มองเห็นแล้วเราขยายกลุ่มอาชีวะไปได้กว้างและใหญ่กว่านี้ ผมว่าประเทศเรามันพัฒนาได้ไกลกว่านี้ เพราะจากที่ผมสอนมา 3 ปี ผมยังสัมผัสเห็นถึงศักยภาพของเด็กได้เยอะมาก ว่าเด็กคนหนึ่งทำอะไรได้หลายอย่างมากครับ

Advertisement

รูปภาพทั้งหมด

แชร์
กว่าจะไปได้แชมป์แกะสลักหิมะโลก เด็กไทยทำได้อย่างไร? เมื่อไทยไม่มีหิมะ!