โยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในวันพฤหัสบดี (19 พ.ย.) โดยระบุว่า ญี่ปุ่นได้เข้าสู่ ภาวะเตือนภัยสถานการณ์โควิด-19 ขั้นสูงสุดแล้ว หลังมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ มากกว่าวันละ 2,000 คน
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า นับจากนี้ เขาต้องการให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในร้านอาหารให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจะถอดออกได้เฉพาะเวลารับประทานอาหารในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ถ้อยแถลงยกระดับเตือนภัยดังกล่าวมีขึ้นหลังทางการญี่ปุ่นรายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 2,189 รายในวันพุธที่ 18 พ.ย. ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด และเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งทะลุ 2,000 คนนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดขึ้นในประเทศ
นายกรัฐมนตรีซูงะยังกล่าวเสริมว่า เขาได้มอบหมายให้ ยาซูโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีเศรษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งรับผิดชอบการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และนายโนริฮิสะ ทามูระ รัฐมนตรีสาธารณสุข ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมที่จำเป็นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ส่วนที่กรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น มีการรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 493 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุด นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดขึ้นในประเทศเช่นกัน
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ในญี่ปุ่น ระบุว่า ขณะนี้ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งครั้งนี้นับเป็นการระบาดระลอกที่ 3 แล้ว พร้อมระบุว่า หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไวรัสมรณะชนิดนี้กลับมาระบาดรุนแรงขึ้น คืออุณหภูมิที่เย็นลง และการที่ประชาชนใช้เวลามากขึ้นในอาคารบ้านเรือน ที่ไม่มีอากาศถ่ายเทอย่างเพียงพอ
ในส่วนของตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศของญี่ปุ่นล่าสุดมีจำนวนทั้งสิ้น 120,815 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,913 ราย
Advertisement