วันที่ 27 ส.ค.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 13/2564 ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ตามที่ ศบค.ชุดเล็กเสนอ โดยมีรายงานว่าที่ประชุมเห็นชอบมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ดังนี้
1.ร้านอาหารที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศ อนุญาตนั่งรับประทานอาหารในร้านได้ 50% ของจำนวนที่นั่ง
2.ร้านอาหารที่ไม่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศหรืออยู่นอกอาคาร อนุญาตนั่งรับประทานอาหารในร้านได้ 75% ของจำนวนที่นั่งในร้าน
กำหนดเกณฑ์ผู้รับบริการ ให้บริการ เปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. (งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน)
• ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์หรือสถานประกอบการอื่น ที่มีลักษณะคล้ายกัน ร้านสะดวกซื้อ ให้เปิดดำเนินการได้ตามปกติจนถึงเวลา 20.00 น. โดยผู้ให้บริการจะต้องได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว และจะต้องมีการตรวจคัดกรองด้วยชุด ATK เป็นระยะและมีมาตรการเข้มผู้เข้าใช้บริการ
• ร้านเสริมสวย หรือตัดผม เปิดให้ตัดผมเท่านั้น
• ร้านนวด เปิดได้เฉพาะนวดฝ่าเท้า
• คลินิกเสริมความงาม เปิดจำหน่ายสินค้าเท่านั้น
• สวนสาธารณะ ลานกีฬา สนามกีฬาหรือสถานที่ออกกำลังกาย ที่เป็นพื้นที่โล่งแจ้ง ยกเว้นฟิตเนส
• อาคารสถานศึกษา เปิดได้ตามปกติ แต่ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณา
• เปิดบริการรถสาธารณะ โดยต้องจำกัดจำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 75% และคนขับรถจะต้องได้รับวัคซีนแล้ว 2 เข็ม
กิจการและกิจกรรม ที่ยังไม่เปิดให้บริการ ได้แก่ สถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สปา สวนสนุก สวนน้ำ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องประชุมหรือจัดเลี้ยง
ทั้งนี้ ที่ประชุม ศปก.ศบค.ยังให้คงจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 29 จังหวัด แต่ใช้มาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล Univerasal Prevention พร้อมกันนี้เห็นชอบการรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่เดิมกำหนดไม่เกิน 5 คน ขยายเป็น 25 คน
ขณะเดียวกัน ยังผ่อนคลายให้ประชาชนที่มีความจำเป็นสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ แต่ยังต้องขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางข้ามจังหวัดหากไม่มีความจำเป็น รถสาธารณะ โดยต้องจำกัดจำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 75% และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
มาตรการสำหรับรถโดยสาร หรือรถตู้ ระยะทางไกลควรแวะพักทุก 2- 3 ชั่วโมง เพื่อระบายอากาศ
การเดินทางไปทำงานของแรงงาน ให้ใช้ระบบ seal route ตามมาตรการ Bubble and Seal การกำกับติดตามมาตรการโดย ผู้ประกอบการ กระทรวงคมนาคม และ สำนักงานการบินพลเรือน
นอกจากนี้ ยังห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้นยังคงอยู่ และมาตรการการปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัย (Work From Home) ยังคงใช้ต่อไปอย่างน้อย 14 วัน โดยมาตรการผ่อนคลายต่างๆ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้ เป็นต้นไป
Advertisement