ในปีที่เศรษฐกิจผันผวน การแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกยิ่งทวีความรุนแรง ผู้ประกอบการต่างต้องงัดกลยุทธ์ เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาด และรักษาฐานลูกค้า ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค และความท้าทายทางเศรษฐกิจ ล่าสุด "วอลมาร์ท" ยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีก ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันแข็งแกร่ง ด้วยการประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ที่เติบโตอย่างน่าประทับใจ สวนกระแสวิกฤต ขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ กำลังเผชิญกับภาวะถดถอย
อะไรคือปัจจัยแห่งความสำเร็จของวอลมาร์ท? บทความนี้จะพาคุณไปดูกลยุทธ์ ที่ทำให้วอลมาร์ทสามารถครองใจลูกค้า และเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งวิเคราะห์ บทเรียนที่ผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่นๆ สามารถนำไปปรับใช้ เพื่อรับมือกับความท้าทาย และสร้างโอกาสในธุรกิจ
วอลมาร์ท อิงค์ (Walmart) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสล่าสุด โดยมีอัตราการเติบโตของยอดขายในสาขาเดิม (Same-store sales) ที่เปิดดำเนินการมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี ในสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิเติบโต 8.2% สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ ได้ปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการ ซึ่งบ่งชี้ถึงความคาดหวังต่อยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งปลายปี
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของยอดขายในครั้งนี้ มาจากกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูงกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งคิดเป็น 75% ของยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีส่วนสำคัญในการขยายฐานลูกค้าของวอลมาร์ท ซึ่งเดิมทีมีฐานลูกค้าหลักเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้นของวอลมาร์ทปรับตัวสูงขึ้นกว่า 3% หลังจากการประกาศผลประกอบการ และยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา แม้ว่ากลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อยและปานกลาง จะยังคงเป็นฐานลูกค้าหลักของวอลมาร์ท แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผู้มีรายได้สูง ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของ Amazon กลยุทธ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของวอลมาร์ท ในการมุ่งสู่การเป็น “ร้านค้าปลีกสำหรับทุกคน” อย่างแท้จริง
วอลมาร์ท ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของโลก ดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง โดยมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจร้านขายของชำ ควบคู่กับการใช้ประโยชน์จากขนาดขององค์กร ในการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าให้ต่ำที่สุด นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงกลุ่มประเภทสินค้าให้มีความหลากหลาย ครอบคลุมทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าอื่นๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
ในขณะเดียวกัน วอลมาร์ทได้พัฒนาศักยภาพของธุรกิจออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อแข่งขันกับ Amazon โดยเพิ่มช่องทางการให้บริการ เช่น การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และรับสินค้าที่สาขา รวมถึง Walmart+ บริการสมาชิกส่งของชำในวันเดียวกัน ซึ่งส่งผลให้ยอดขายออนไลน์ในสหรัฐอเมริกาเติบโต 22% ในไตรมาสที่ผ่านมา
"การขยายกลุ่มประเภทสินค้าออนไลน์ ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง" ดั๊ก แมคมิลลัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของวอลมาร์ท กล่าวในระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์เพื่อนำเสนอผลประกอบการ "ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และต้องการประหยัดเวลา ให้ความสนใจกับบริการรับสินค้าที่สาขา และบริการจัดส่งถึงบ้านของเรา"
ความสำเร็จของวอลมาร์ทสะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคทุกกลุ่มรายได้ ต่างให้ความสำคัญกับราคาสินค้าและความคุ้มค่า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง แต่ผู้บริโภคชาวอเมริกันยังคงได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ในขณะที่วอลมาร์ทกำลังประสบความสำเร็จอย่างสูง ผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่น ๆ กลับต้องเผชิญกับภาวะถดถอยทางธุรกิจ โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2567 อัตราการปิดตัวของร้านค้าปลีกจะสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมค้าปลีกทั่วโลก เครือข่ายร้านค้าปลีกขนาดใหญ่อย่าง Family Dollar, Walgreens, Big Lots และอื่น ๆ ต่างประกาศแผนการปิดสาขานับพันแห่งทั่วประเทศ
สาเหตุสำคัญของการปิดสาขาในปีนี้ สืบเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค หลังจากที่ภาคค้าปลีกเคยประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 2564 และ 2565 จากการที่ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยสินค้าคงทน เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเสื้อผ้า เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้า เพื่อสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเกินกำลังซื้อของผู้บริโภคในวงกว้าง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินในการจัดหาสินค้า และการกู้ยืมเพื่อซื้อสินค้าราคาแพง เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือรถยนต์ มีราคาสูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคหดตัวลงอย่างมาก และกระทบต่อยอดขายของธุรกิจค้าปลีกโดยรวม
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างวอลมาร์ทกับผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่นๆ ในขณะที่วอลมาร์ทสามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ กลับต้องเผชิญกับวิกฤตและการปิดตัวลง
ความสำเร็จของวอลมาร์ทเกิดจากปัจจัยสำคัญหลายประการ ได้แก่ การมุ่งเน้นลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง หรือแม้แต่กลุ่มผู้มีรายได้สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผู้มีรายได้สูง ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของ Amazon ด้วยการปรับปรุงกลุ่มประเภทสินค้าให้มีความหลากหลาย ครอบคลุมทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าอื่นๆ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของธุรกิจออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อแข่งขันกับ Amazon โดยเพิ่มช่องทางการให้บริการ เช่น การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และรับสินค้าที่สาขา รวมถึง Walmart+ บริการสมาชิกส่งของชำในวันเดียวกัน
นอกจากนี้ วอลมาร์ทยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุน เพื่อให้สามารถนำเสนอสินค้าในราคาที่แข่งขันได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดลูกค้าในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับราคาสินค้าและความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก
ในทางตรงกันข้าม ผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่นๆ อาจยังไม่สามารถปรับตัวได้อย่างทันท่วงที ต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค และความท้าทายทางเศรษฐกิจ เช่น ภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และกำลังซื้อที่ลดลง ส่งผลให้ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤต และการปิดตัวลงในที่สุด
บทเรียนจากวอลมาร์ท แสดงให้เห็นว่า การปรับตัว การเข้าใจลูกค้า และการบริหารจัดการต้นทุน เป็นปัจจัยสำคัญในการอยู่รอดและเติบโต ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง และมีความผันผวน ผู้ประกอบการค้าปลีก จำเป็นต้องศึกษาและปรับกลยุทธ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และรับมือกับความท้าทายต่างๆ เพื่อความอยู่รอดและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว
จะเห็นได้ว่า วอลมาร์ทไม่ได้เพียงแค่ขายสินค้า แต่ยังขาย "ประสบการณ์" ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย ความคุ้มค่า และความหลากหลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่นๆ ต้องเรียนรู้และนำไปปรับใช้ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และก้าวข้ามผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ ไปได้
อ้างอิง CNN