แม้เศรษฐกิจจีนจะส่งสัญญาณฟื้นตัว ด้วยยอดค้าปลีกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่นักวิเคราะห์มองว่า สถานการณ์โดยรวมยังคงมีความเปราะบาง และต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างใกล้ชิด แล้วนักลงทุนควรวางแผนรับมืออย่างไร? บทความนี้จะพาไปเจาะลึกมุมมองของ KSecurities พร้อมวิเคราะห์โอกาส และความท้าทายในการลงทุนหุ้นจีน เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด
รายงานฉบับล่าสุดจาก KSecurities เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มการฟื้นตัว ทว่ายังคงมีความเปราะบาง โดยแม้ยอดค้าปลีกจะขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ แต่การลงทุนและการบริโภคยังคงอยู่ในภาวะซบเซา ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ
ในเดือนที่ผ่านมา ยอดค้าปลีกของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.8% และถือเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 8 เดือน ทั้งนี้ KSecurities ระบุว่า มาตรการ "Trade in" (เก่าแลกใหม่) มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นยอดขายสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณการ โดยเติบโต 5.3% YoY เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 5.6% เช่นเดียวกับการลงทุนรวมนับตั้งแต่ต้นปี ที่เติบโต 3.4% YoY ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 3.5% โดย KSecurities ชี้ว่า ปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งการเติบโตคือการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนที่ผ่านมา การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลง 10.3% ซึ่งรุนแรงกว่าที่ประมาณการไว้ที่ -9.9%
แม้มาตรการ "Trade in" จะช่วยกระตุ้นยอดค้าปลีก แต่ภาพรวมการบริโภคของจีนยังคงฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า โดย KSecurities อ้างอิงผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Tencent และ JD.com ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ระมัดระวังของผู้บริโภค โดยธุรกิจ FinTech (WeChat Pay) ของ Tencent มีอัตราการเติบโตที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ไตรมาส ขณะที่รายได้ของ JD.com ก็ขยายตัวในอัตราที่ค่อนข้างทรงตัว โดยผู้บริหารของทั้งสองบริษัท ต่างมีความเห็นตรงกันว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ยังคงต้องใช้เวลาในการแสดงผลอย่างเต็มศักยภาพ
นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกประเทศ เช่น การขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา และความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งยังไม่ปรากฏมาตรการกระตุ้นอุปสงค์ในฝั่งการบริโภคโดยตรง
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจจีน KSecurities แนะนำนักลงทุนให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม โดยคงมุมมอง "เป็นกลาง" ต่อหุ้นจีน สำหรับนักลงทุนที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนสูง KSecurities แนะนำให้ทยอยลดพอร์ตลง เพื่อบริหารความเสี่ยง โดยควบคุมสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนไม่ให้เกิน 15% ของพอร์ตทั้งหมด
ส่วนนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นจีนในพอร์ต KSecurities แนะนำให้ "Wait & See" หรือรอดูสถานการณ์ต่อไป ก่อนตัดสินใจลงทุน มุมมองของ KSecurities สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจจีนในปัจจุบัน ซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอนสูง แม้จะมีสัญญาณการฟื้นตัวในบางภาคส่วน แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกหลายประการ ดังนั้น การติดตามข้อมูลข่าวสาร และวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ จึงเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นจีน
ภาวะเศรษฐกิจของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบันสะท้อนถึงพลวัตเชิงโครงสร้างที่มีความซับซ้อน แม้ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดจะบ่งชี้ถึงสัญญาณฟื้นตัวในเชิงบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราการเติบโตของยอดค้าปลีกที่ 4.8% YoY ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.8% และเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 8 เดือน ทว่าสถานการณ์โดยรวมยังคงมีความเปราะบาง และจำเป็นต้องวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมเชิงลึก เพื่อประเมินศักยภาพการลงทุนในตลาดหุ้นจีนอย่างรอบด้าน
ปัจจัยสนับสนุนการลงทุน
ปัจจัยเสี่ยงที่ควรพิจารณา:
มุมมอง KSecurities
KSecurities คงมุมมอง "เป็นกลาง" ต่อการลงทุนในหุ้นจีน และแนะนำให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาค และนโยบายภาครัฐอย่างใกล้ชิด โดยพิจารณาปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม และบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ สำหรับนักลงทุนที่ถือครองหุ้นจีนในสัดส่วนที่สูง KSecurities แนะนำให้พิจารณาทยอยลดสัดส่วนการลงทุน เพื่อจำกัดความเสี่ยง โดยควบคุมสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนไม่ให้เกิน 15% ของมูลค่าพอร์ตการลงทุน สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ได้เข้าลงทุนในหุ้นจีน KSecurities แนะนำให้ "Wait & See" และประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
สรุปการลงทุนในหุ้นจีนยังคงมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะยาว เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มการเติบโตในระดับสูง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรตระหนักถึงความผันผวน และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนจากการลงทุน ดังนั้น การกระจายความเสี่ยง การติดตามข้อมูลข่าวสาร และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้นจีนอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา KSecurities