ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาไม่พอใจ หลังจากที่รัสเซียเปิดฉากโจมตีกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนอย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 9 เดือน และสั่งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินว่า “หยุดเถอะ!” โดยเขียนบน Truth Social ระบุว่า เขาไม่พอใจที่รัสเซียโจมตีกรุงเคียฟ เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรเลย และโจมตีในจังหวะที่แย่มาก วลาดิเมียร์ หยุดเถอะ! ทหาร 5,000 นาย ต้องตายทุกสัปดาห์ มาทำให้ข้อตกลงสันติภาพสำเร็จกันดีกว่า
กองทัพรัสเซียโจมตีกรุงเคียฟด้วยโดรน 145 ลำ และยิงขีปนาวุธมากถึง 70 ลูก เสียงระเบิดดังตลอดทั้งคืน เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณตี 1 ตามเวลาท้องถิ่น ของวันพฤหัสบดี (24 เม.ย.) และมีเสียงปืนต่อสู้ระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย บาดเจ็บ 90 ราย และอาจมีผู้บาดเจ็บอีกหลายรายติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง หน่วยฉุกเฉินยูเครนระบุว่า สถานที่สำคัญ 13 แห่งถูกทำลาย รวมถึงอาคารที่พักอาศัยและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน
หลังจากการโจมตีในกรุงเคียฟ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีประกาศว่า เขาจะยุติการเดินทางเยือนแอฟริกาใต้ซึ่งเขาเดินทางถึงเมื่อช่วงค่ำของวันพุธ เพื่อเดินทางกลับยูเครนมาปกป้องประเทศ เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อระบุว่า การโจมตีครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ “กดดันสหรัฐฯ” เป็นหลัก เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเรียกร้องให้ยูเครนยินยอมในข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย แต่ข้อตกลงที่ว่านั้นยูเครนไม่สามารถยอมรับได้
ก่อนหน้านี้ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี แวนซ์ ระบุว่า จะมีการวางเส้นแบ่งเขตแดนของรัสเซียและยูเครน โดยแนวเส้นก็จะใกล้เคียงกับบริเวณที่แต่ละฝ่ายยึดครองอยู่ในเวลานี้ ดังนั้นข้อตกลงหยุดยิงจะหมายถึง ทั้งยูเครนและรัสเซียต่างต้องยอมแพ้เรื่องดินแดนบางส่วน ฝ่ายบริหารสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ได้เสนอให้ยูเครนยอมส่งมอบพื้นที่ไครเมียให้กับรัสเซีย ความเคลื่อนไหวดังกล่าวพลิกกลับนโยบายของสหรัฐฯ ที่มีมานานกว่า 10 ปี ที่ตามธรรมเนียมแล้ว สหรัฐฯ ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงเพื่อเปลี่ยนพรมแดนระหว่างประเทศด้วยกำลัง
เซเลนสกีได้ออกมาโต้แย้งว่า รัฐบาลยูเครนจะไม่ยอมรับการที่รัสเซียเข้าปกครองแคว้นไครเมีย โดยยูเครนยืนยันมาโดยตลอดว่า จะไม่ยอมแพ้ยกไครเมียให้รัสเซีย แม้ว่าจะถูกรัสเซียเข้ายึดครองและผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งตั้งแต่ปี 2014 ก็ตาม ซึ่งทรัมป์ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ตำหนิผู้นำยูเครนว่า คำพูดที่ปลุกปั่นของเซเลนสกีทำให้การยุติสงครามครั้งนี้เป็นเรื่องยากมาก เขาไม่มีอะไรจะคุยโวได้เลย!
ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ แสดงความรู้สึกต่อการโจมตีครั้งรุนแรงของรัสเซีย ระบุว่า “ผมไม่ชอบเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ผมไม่พอใจกับเหตุการณ์นี้ และเรากำลังอยู่ในระหว่างการพูดคุยเรื่องสันติภาพ แต่กลับมีการยิงขีปนาวุธใส่กัน ผมไม่พอใจเลย”
นักข่าวคนหนึ่งตั้งข้อสังเกตและถามกับทรัมป์ว่า ดูเหมือนการกดดันของสหรัฐฯ จะเน้นไปลงที่ยูเครนเป็นหลัก และไม่เคยกดดันผู้นำรัสเซียเลย ทรัมป์ตะคอกกลับนักข่าวอย่างดุเดือดว่า “คุณไม่รู้หรอกว่าผมกำลังกดดันรัสเซียมากแค่ไหน เรากำลังกดดันรัสเซียอย่างหนัก และรัสเซียก็รู้เรื่องนี้” จากนั้นทรัมป์โต้แย้งว่า “ถ้าต้องการทำให้เกิดสันติภาพจริง ๆ ต้องอาศัยความร่วมมือทั้งสองฝ่าย ซึ่งยูเครนจะต้องยินยอมด้วย”
CNN รายงานว่า ทรัมป์รู้สึกผิดหวังที่ความพยายามของเขาในการไกล่เกลี่ยข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่ประสบผลสำเร็จ และเขาได้แจ้งต่อที่ปรึกษาเป็นการส่วนตัวว่า การไกล่เกลี่ยข้อตกลงนั้นยากกว่าที่เขาคาดไว้ ซึ่งระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของเขากำลังจะครบ 100 วันแรกในอีกไม่กี่วันนี้