Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
แรงซื้อทองคำแข็งแกร่งของธนาคารกลางทั่วโลก หนุนราคาทองคำปรับขึ้นต่อ
โดย : ฐิภา นววัฒนทรัพย์

แรงซื้อทองคำแข็งแกร่งของธนาคารกลางทั่วโลก หนุนราคาทองคำปรับขึ้นต่อ

25 เม.ย. 68
00:05 น.
แชร์

ทองคำ ถูกจัดเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ที่ธนาคารกลางสามารถถือครองเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศ (International Reserves) ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2022 ที่เกิดการปะทุขึ้นของสมรภูมิรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของธนาคารกลางชั้นนำ พบว่า ธนาคารกลางมีความต้องการซื้อทองคำที่แข็งแกร่งเป็นอย่าง สะท้อนผ่านค่าเฉลี่ยการเข้าซื้อทองคำต่อเดือนของกลุ่มธนาคารกลาง ที่ระดับ 86 ตัน สูงขึ้นจากระดับ 17 ตัน ในช่วงก่อนปีดังกล่าว

ความต้องการซื้อทองคำที่แข็งแกร่งของธนาคารกลาง นับเป็นปัจจัยเบื้องหลังที่คอยหนุนราคาทองคำในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ความต้องการซื้อทองคำของกลุ่มธนาคาร ถูกชี้นำจากความต้องการกระจายความเสี่ยงในกลุ่มสินทรัพย์ทุนสำรองฯ อันมีส่วนดำรงเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศนั้นๆ ท่ามกลางความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่ในปี 2025 การกลับมาดำรงประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้นำพาโลกให้เผชิญกับความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ จากการดำเนินมาตรการด้านภาษีศุลกากรกับทุกประเทศคู่ค่า (Universal tariffs)  โดยการดำเนินการมักมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ทั้งในแง่รายละเอียดและช่วงเวลาในการบังคับใช้

อีกทั้งมาตรการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าเพื่อการตอบโต้  (Reciprocal tariffs) ในวันที่ 2 เม.ย. นั้น ออกมารุนแรงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ โดยปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้ากับทุกประเทศที่ 10.0% ขณะที่อีกราว 60 ประเทศ ยกเว้นจีน ถูกปรับขึ้นด้วยอัตรา 11.0-50.0% อาทิ ไทย และเวียดนาม ถูกปรับขึ้นที่ 37.0% และ 46.0% ตามลำดับ

ทั้งนี้ จีนได้มีการดำเนินมาตรการตอบโต้การปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าดังกล่าวของสหรัฐ อันนำไปสู่การตอบโต้กันไปมาระหว่างสหรัฐและจีน จนในปัจจุบัน สหรัฐมีการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรวมแล้ว 245.0% มีเพียงสินค้าบางรายการ อาทิ สมาร์ทโฟน และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ยังถูกปรับขึ้นที่ 20.0%

อย่างไรก็ดี ทรัมป์ได้ระงับการบังคับใช้มาตรการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าเพื่อการตอบโต้ 90 วัน เพื่อเปิดทางให้ประเทศคู่ค้าเข้ามาเจรจาสร้างข้อตกลงใหม่กับทางสหรัฐ แต่กระนั้น ความไม่แน่นอนในช่วงการเวลาบังคับใช้ ความไม่แน่นอนถึงระดับอัตราภาษีนำเข้าภายหลังการเจรจา รวมถึงความไม่แน่นอนว่าประเทศใดบ้าง จะสามารถบรรลุข้อตกทางการค้ากับสหรัฐได้

ความไม่แน่นอนทั้งหมดนั้น ทำให้การประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและโลกนั้นมีความไม่แน่นอนเช่นกัน นำไปสู่ความความไม่แน่ในการตอบสนองต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นของหลายภาคส่วนทางเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลก สอดคล้องกับการแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า ต้องการเห็นความชัดเจนที่มากขึ้น ก่อนที่จะตัดสินใจในการปรับอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไป

จากข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการเงินโลกครั้งใหญ่ สถาบันการเงินรายใหญ่อย่าง โกลด์แมน แซคส์ ประเมินว่า ความต้องการซื้อทองคำสุทธิของกลุ่มธนาคารกลาง มีแนวโน้มเฉลี่ยที่ 80 ตันต่อเดือน แข็งแกร่งกว่าการประเมินในครั้งก่อนที่ 70 ตันต่อเดือน โดยแม้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่นับว่าสูงกว่าช่วงก่อนปี 2022 เป็นอย่างมาก

การประเมินดังกล่าว มีส่วนให้โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มป้าหมายราคาสูงสุดของทองคำในปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และราคาทองคำอาจมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นแตะระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในเดือนมิ.ย. ปี 2026 ยิ่งไปกว่านั้น หากธนาคารกลางมีความต้องการซื้อทองคำที่แข็งแกร่ง เฉลี่ยที่ 100 ตันต่อเดือน ราคาทองคำอาจสามารถปรับตัวขึ้นสร้างระดับสูงสุดตลอดกาลเหนือ 3,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในสิ้นปีนี้

อย่างไรก็ดี แนะนำนักลงทุนติดตามความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศต่างๆ รวมไปถึงแนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลสหรัฐ เพื่อประเมินความเสี่ยงที่มีต่อเศรษฐกิจโลกและสหรัฐ อันนับเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ฐิภา นววัฒนทรัพย์

ฐิภา นววัฒนทรัพย์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท YLG Bullion And Future จำกัด

แชร์
แรงซื้อทองคำแข็งแกร่งของธนาคารกลางทั่วโลก หนุนราคาทองคำปรับขึ้นต่อ