ในขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีทั้งชาวอินเดียและต่างชาติกำลังเยี่ยมชมดินแดนที่ขึ้นชื่อว่า “สวิตเซอร์แลนด์แห่งอินเดีย” อยู่นั้น กลุ่มคนร้ายติดอาวุธเปิดฉากกราดยิงอุกอาจใส่นักท่องเที่ยวในเมืองพาฮาลแกมของแคชเมียร์ บนเทือกเขาหิมาลัย รายงานระบุว่า การยิงดังกล่าวกินเวลานานถึง 20 หรือ 30 นาที ผู้ก่อเหตุทั้งหมดสามารถหลบหนีไปได้ ก่อนที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยจะมาถึงที่เกิดเหตุ
นายโอมาร์ อับดุลลาห์ หัวหน้าคณะรัฐมนตรีประจำภูมิภาค รายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย ในจำนวนดังกล่าว 25 รายเป็นชาวอินเดีย และอีก 1 รายเป็นชาวเนปาล รวมถึงมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 17 คน การโจมตีครั้งนี้รุนแรงกว่าการโจมตีพลเรือนครั้งไหน ๆ ที่เราเคยเห็นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และด้วยพื้นที่ท่องเที่ยวแห่งนี้อยู่กลางหุบเขาที่เข้าถึงได้ยาก ต้องเดินเท้าหรือขี่ม้าเท่านั้น ดังนั้นผู้บาดเจ็บบางส่วนจึงต้องถูกหามขึ้นบนหลังม้าเพื่อนำส่งไปรักษาตัว
วิดีโอหลายคลิปที่กลายเป็นไวรัลเผยให้เห็นผู้คนวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังกรีดร้องขอความช่วยเหลือพร้อมกับชี้ไปที่สามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของเธอ คนในท้องถิ่นวิ่งเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อท่ามกลางร่างผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก หนึ่งในภาพสะเทือนใจจนเกิดเป็นไวรัลคือภาพของหิมานชีนั่งนิ่งอยู่ข้างร่างของสามีของเธอ วินัย หนุ่มทหารเรือวัย 26 ปี ทั้งสองเป็นนักท่องเที่ยวคู่รักที่มาทริปฮันนีมูนแห่งนี้ หลังจากที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานไปเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา
วินัยเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวที่เสียชีวิต ส่วนหิมานชีก็เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และสามารถให้ปากคำกับตำรวจได้ คำบอกเล่าของนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นในเหตุโศกนาฏกรรมนี้ สะท้อนให้เห็นว่ามือสังหารคัดเลือกโจมตีเฉพาะผู้ชาย ไว้ชีวิตผู้หญิงและเด็ก แต่อีกข้อมูลสำคัญคืออาจมีประเด็นเกี่ยวกับศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
เมืองพาฮาลแกม นับเป็นเมืองแสวงบุญสำคัญของชาวฮินดู และเมืองแห่งนี้ปกครองโดยอินเดียและเป็นพรมแดนเชื่อมต่อไปยังปากีสถาน ผู้แสวงบุญมักใช้เมืองแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินเท้าหรือขี่ม้าในระยะทาง 32 กิโลเมตร ผ่านภูมิประเทศที่เป็นภูเขาเพื่อไปยังวัดถ้ำอมรนาถซึ่งอุทิศให้กับพระอิศวร
“พวกเขาเว้นผู้หญิงไว้และยิงผู้ชายต่อเนื่อง บางครั้งยิงนัดเดียว บางครั้งยิงหลายนัด มันโกลาหลมาก” หญิงท้องถิ่นรายหนึ่งบอกเล่ากับ AFP นอกจากนี้ยังมีคำบอกเล่าด้วยว่า ผู้ก่อเหตุจะถามเหยื่อก่อนว่านับถือศาสนาอะไร หากตอบว่านับถือฮินดูก็จะยิงใส่ และบางรายถามเหยื่อว่าสามารถกล่าวบทสวดของศาสนาอิสลามได้หรือไม่ หากท่องไม่ได้ก็จะสังหาร แม้หลายฝ่ายจะเชื่อว่าเป็นการโจมตีที่พุ่งเป้าชาวฮินดูเป็นหลัก แต่ก็มีผู้เสียชีวิตรายหนึ่งเป็นชาวมุสลิมท้องถิ่นด้วย
ก่อนหน้านี้มีการคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าอาจะเป็นกลุ่มก่อการร้ายจากปากีสถาน เนื่องจากดินแดนแห่งนี้มีความขัดแย้งเรื่องการปกครองพื้นที่กันมาอย่างยาวนาน แต่ล่าสุด กลุ่มต่อต้านแคชเมียร์ที่เรียกตัวเองว่า “แนวร่วมต่อต้าน” (The Resistance Front; TRF) ซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้จักนัก ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบผ่านข้อความทางโซเชียลมีเดีย โดยแสดงความไม่พอใจที่ “คนนอก” มากกว่า 85,000 คนได้ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในแคชเมียร์ ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางประชากร
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศ ลดแผนเดินทางเยือนซาอุดิอาระเบียให้สั้นลง เพื่อเข้าร่วมการประชุมสภาความมั่นคงแห่งคณะรัฐมนตรี ด้านวิกรม มิศรี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย แถลงว่า ในการประชุมพิเศษของคณะรัฐมนตรีความมั่นคง มีรายงานพบความเชื่อมโยงเหตุกราดยิงกับการโจมตีข้ามพรมแดน จึงมีการตัดสินใจดำเนินการลดความสัมพันธ์กับปากีสถาน และดำเนินมาตรการต่าง ๆ ดังนี้
ด้านนายกรัฐมนตรีปากีสถาน เชห์บาซ ชารีฟ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติในเช้าวันนี้ (24 เม.ย.) เพื่อหารือแนวทางตอบสนองต่อแถลงการณ์ของรัฐบาลอินเดีย พร้อมออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องหรืออยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว อีกทั้ง รัฐมนตรีกลาโหมปากีสถาน คาวาจา อาซิฟ เรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น "ปฏิบัติการหลอกลวง" โดยกล่าวโทษว่าเป็นแผนของรัฐบาลอินเดียฝ่ายขวาจัดที่ต้องการสร้างสถานการณ์เพื่อใช้โจมตีปากีสถาน
อย่างไรก็ตาม ตำรวจและทหารหลายหมื่นนายกระจายกำลังไปทั่วทั้งภูมิภาคและตั้งจุดตรวจเพิ่มเติม โดยตรวจค้นรถยนต์ ใช้เฮลิคอปเตอร์ค้นหาบนภูเขาที่มีป่าไม้ และในบางพื้นที่ยังเรียกอดีตกบฏมาที่สถานีตำรวจเพื่อสอบปากคำ ซึ่งตำรวจอินเดียควบคุมตัวผู้คนอย่างน้อย 1,500 คนทั่วพื้นที่จัมมูและแคชเมียร์ เพื่อสืบสวนเหตุโจมตี