ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แถลงการณ์ประณามกองทัพรัสเซียว่า ใช้โดรนโจมตียูเครน 96 ลำ อีกทั้งยังยิงถล่มด้วยขีปนาวุธถึง 3 ลูกติดต่อกัน ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากผ่านพ้นเทศกาลอีสเตอร์ ซึ่งถือเป็นวันสำคัญสำหรับคริสตศาสนิกชน หน่วยกู้ภัยยูเครนเร่งอพยพประชาชนในพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิงที่ปลอดภัย เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกโดรนจะโจมตี และกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศกำลังดำเนินการเพื่อโจมตีเป้าหมาย ทั้งนี้ กองทัพอากาศยูเครนเปิดเผยว่า ได้ยิงโดรนของรัสเซียตก 42 ลำด้วย
ด้านทางกองทัพอากาศยูเครนเปิดเผยว่า ได้ออกประกาศเตือนการโจมตีในพื้นที่กรุงเคียฟ เคอร์ซอน ดนิโปรเปตรอฟสค์ เชอร์คาซี ไมโคไลฟ และซาโปริซเซีย ไปก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่กระทรวงกลาโหมของรัสเซียยืนยันว่าได้กลับมาสู้รบอีกครั้ง โดยเสริมว่ากองทัพปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศหยุดการโจมตียูเครนชั่วคราวเนื่องในวันอีสเตอร์ตั้งแต่เย็นวันที่ 19 เมษายนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา
เทศกาลอีสเตอร์เป็นช่วงเวลาสำคัญทางศาสนาสำหรับชาวคริสต์ ซึ่งรวมถึงชาวรัสเซียและชาวยูเครนจำนวนมาก การหยุดยิงจึงถูกมองว่า เป็นท่าทีที่แสดงถึงความเคารพต่อความเชื่อทางศาสนา และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เฉลิมฉลองเทศกาลอย่างสงบ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้มีการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม เช่น การส่งมอบอาหาร ยา และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ
วันอีสเตอร์เป็นวันสำคัญทางวัฒนธรรมของทั้งสองชาติ การหยุดยิงจึงเสมือนเป็นการแสดงออกถึงการเคารพต่อวัฒนธรรมที่มีร่วมกัน แม้หลายฝ่ายจะมองว่าเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการเมือง เพื่อซื้อเวลา หรือเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสาธารณชน
หากย้อนกลับไปตั้งแต่สงครามยูเครนและรัสเซียปะทุขึ้นเมื่อปี 2022 จะพบว่า การตกลงหยุดยิงในเทศกาลอีสเตอร์ไม่ได้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกปี ต้องเรียกว่า ‘แล้วแต่’ ว่ารัสเซียจะประกาศไหม Spotlight ชวนย้อนดูไทม์ไลน์ท่าทีของทั้งสองประเทศในช่วงเทศกาลอีสเตอร์
ท่าทีของสองประเทศในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ที่ผ่านมา สะท้อนว่าข้อตกลงหยุดยิงระหว่างสองประเทศดูจะไม่มีความก้าวหน้าเอาเสียเลย และยังเป็นงานยากให้กับสหรัฐฯ ที่ต้องการจะจบสงครามนี้เสียที เพราะไม่อยากสนับสนุนกองทัพยูเครนแล้ว และต้องการเดินหน้าดีลและผลประโยชน์หลายด้านรวมถึงการเข้าถึงแร่ธาตุในยูเครน เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้น
เมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากยูเครนยอมรับข้อเสนอของทรัมป์ที่ให้หยุดยิงเป็นเวลา 30 วัน ปูตินกล่าวว่า ปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการตรวจสอบยังไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งมอสโกวและเคียฟตกลงที่จะระงับการโจมตีเป้าหมายด้านพลังงานและทางทะเล ซึ่งต่างฝ่ายต่างกล่าวหาอีกฝ่ายว่าละเมิดข้อตกลง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัสเซียและยูเครนกล่าวหากันและกันว่าก่อเหตุโจมตีหลายพันครั้งซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวดังกล่าว ด้านรัฐบาลสหรัฐฯ และยูเครนออกมาเรียกร้องหลายครั้งให้รัสเซียขยายเวลาหยุดยิงออกไป 30 วัน แต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินประกาศไม่เอาด้วย โดยรัฐบาลรัสเซียแถลงชัดเจนว่า จะไม่มีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาหยุดการสู้รบในแนวหน้าออกไป
เซเลนสกี ผู้นำยูเครนจึงออกมาประณามว่า กองกำลังยูเครนพบการละเมิดคำมั่นสัญญาหยุดยิงของรัสเซียเกือบ 3,000 ครั้ง กองทัพยูเครนจึงมองว่ารัสเซียไม่เคารพข้อตกลงที่มีร่วมกัน จึงโจมตีรัสเซียกลับเกินขอบเขตที่ตกลงกันไว้ โดยเซเลนสกีระบุว่า ถ้ารัสเซียแอบโจมตีแบบเงียบ ๆ ยูเครนก็จะซุ่มโจมตีแบบเงียบ ๆ กลับ การโจมตีของยูเครนจะเป็นไปเพื่อการปกป้องประเทศเท่านั้น
ด้านกระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า ยูเครนละเมิดข้อตกลงหยุดยิงมากกว่า 1,000 ครั้ง ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหาย และมีพลเรือนเสียชีวิต ระบุว่า กองกำลังยูเครนได้ยิงถล่มตำแหน่งของรัสเซียไปแล้ว 444 ครั้ง และนับรวมการโจมตีด้วยโดรนของยูเครนไปแล้วมากกว่า 900 ครั้ง ซึ่งรวมถึงในไครเมียและพื้นที่ชายแดนของรัสเซียในภูมิภาคไบรอันสค์ เคิร์สก์ และเบลโกรอดด้วย