ธุรกิจการตลาด

สรุป UOB คว้าดีลซื้อธุรกิจ บัตรเครดิต-รายย่อย Citibank

14 ม.ค. 65
สรุป UOB คว้าดีลซื้อธุรกิจ บัตรเครดิต-รายย่อย  Citibank

ไม่ใช่แบงก์กรุงศรีฯ! กลุ่มแบงก์ UOB จากสิงคโปร์ ประกาศเป็นผู้ซื้อกิจการลูกค้ารายย่อยของ "ซิตี้กรุ๊ป" ใน 4 ประเทศ "ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม" คาดมูลค่าสูงถึง 120,000 ล้านบาท



กลุ่มธนาคารยูโอบี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ แถลงว่า ได้ทำข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยธุรกิจรายย่อยได้แก่

1. สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและมีหลักประกัน
2. ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง
3. ธุรกิจเงินฝากรายย่อย (ธุรกิจลูกค้ารายย่อย)


นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงการโอนพนักงานธุรกิจลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป ประมาณ 5,000 คน ใน 4 ประเทศดังกล่าวมาอยู่กับยูโอบี อีกด้วย ซึ่งการเสนอซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและขยายขอบเขตธุรกิจของธนาคารยูโอบีในภูมิภาคอาเซียน


ทั้งนี้ บลูมเบิร์กรายงานว่า ดีลซื้อกิจการใน 4 ประเทศครั้งนี้ มีมูลค่าประมาณ 3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 120,000 ล้านบาท


อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้บลูมเบิร์กเคยรายงานเมื่อเดือน ธ.ค. 2564 อ้างว่า ซิตี้กรุ๊ปได้เลือก BAY หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ให้เป็นผู้ชนะการประมูลซื้อธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลของซิตี้แบงก์ ประเทศไทย แต่ในครั้งนั้น ทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธรายงานข่าวชิ้นนี้แต่อย่างใด ก่อนที่ธนาคาร UOB จะประกาศเป็นผู้ซื้อกิจการในที่สุด


ในแถลงการณ์ของยูโอบี ให้รายละเอียดว่า ธุรกิจลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป มีสินทรัพย์สุทธิรวมทั้งสิ้นประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 99,000 ล้านบาท) มีฐานลูกค้าราว 2.4 ล้านราย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 และมีรายได้ประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 12,350 ล้านบท) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 หากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกรรมนี้ในครั้งเดียว การเสนอซื้อกิจการนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของธนาคาร และผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ของธนาคารยูโอบีได้ทันที



สำหรับการพิจารณาข้อเสนอเงินสดสำหรับการเสนอซื้อกิจการนี้ จะคำนวณจากค่าพรีเมียมรวมซึ่งเทียบเท่ากับ 915 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ บวกกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของธุรกิจลูกค้ารายย่อยเมื่อการโอนย้ายกิจการเสร็จสมบูรณ์ ธนาคารยูโอบีจะใช้ทุนส่วนเกินของธนาคารเพื่อการเสนอซื้อกิจการครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะลดอัตราส่วนของเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Common Equity Tier 1 หรือ CET1) ของธนาคารลง 0.7% เป็น 12.8% ตามสถานะเงินทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ผลกระทบต่ออัตราส่วน CET1 คาดว่าจะมีไม่มากและจะยังอยู่ภายในข้อกำหนดด้านกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแล


การเข้าซื้อกิจการในแต่ละประเทศจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศสิงคโปร์ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จระหว่างกลางปี 2565 ถึงต้นปี 2567 ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าและผลของกระบวนการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคาร ซิตี้กรุ๊ปจะทำงานร่วมกับยูโอบีและธนาคารในเครือ (รวมเรียกว่ากลุ่มธนาคารยูโอบี) อย่างใกล้ชิดเพื่อให้การโอนย้ายธุรกิจลูกค้ารายย่อย ทั้งในส่วนของลูกค้าและพนักงานเป็นไปอย่างราบรื่น

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT