สตาร์บัคส์ประกาศปิดสาขาครั้งใหญ่ 16 แห่งทั่วสหรัฐ หลังพบสถานการณ์ "ไม่ปลอดภัย" จากทั้งคนไร้บ้าน-คนติดยา และปัญหาเศรษฐกิจ ขณะที่บางสื่อชี้มีเรื่องสกัดการจัดตั้งสหภาพแรงงานเอี่ยวด้วย
วันนี้ (14 ก.ค.) เชนร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ Starbucks ได้ประกาศปิดสาขามากถึง 16 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่สาขาในเมือง ซีแอทเทิล ลอสแอนเจลิส ฟิลาเดลเฟีย พอร์ทแลนด์ วอชิงตัน และวอชิงตันดีซี ในจำนวนนี้เป็นสาขาในแอลเอ ถึง 6 แห่ง ซึ่งรวมถึง “สาขาไทยทาวน์” มุมถนนฮอลลีวูดและเวสเทิร์นด้วย โดยจะปิดภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ จากเหตุผลด้าน "ความปลอดภัย"
โฆษกของสตาร์บัคส์ เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่น ซีบีเอส มันนีวอทช์ ว่า อเมริกากำลังเผชิญปัญหาหลายด้าน เช่น "คนไร้บ้าน" ซึ่งเป็นปัญหาที่เรื้อรัง ปัญหาความรุนแรงต่างๆ และความไม่สงบในสังคม ซึ่งสตาร์บัคส์รับรู้ได้จากการที่มีสาขาหลายพันแห่งกระจายตามชุมชนทั่วประเทศ
หลังจากที่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ทางบริษัทตัดสินใจที่จะปิดสาขาที่มี "เหตุการณ์ท้าทาย" เกิดขึ้นบ่อยเกินไป ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะเปิดร้านต่อ โดยจะมีการย้ายพนักงานในสาขานั้นๆ ไปทำงานตามสาขาใกล้เคียงแทน
ทั้งนี้ สหรัฐเพิ่งเผชิญกับเหตุการณ์กราดยิงเมื่อวันชาติ 14 กรกฎาคมไปหมาดๆ และมีปัญหาเรื่องคนไร้บ้านเพิ่มขึ้นในหลายเมือง โดยเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่มีคนไร้บ้านเข้ามามากขึ้น ในขณะที่คนในออกไปอยู่ในรัฐอื่นแทน ทั้งด้วยปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นมากในรัฐนี้ การมีนโยบาย WFH ที่ทำให้ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ และการที่บริษัทเทคโนโลยีมีการทยอยเลย์ออฟคนในปีนี้
เฉพาะในพื้นที่ long Beach มีรายงานว่าคนไร้บ้านมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 62% นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา แต่หากจำแนกตามที่อยู่อาศัยจะพบว่า คนไร้บ้านตามท้องถนนมีจำนวนเพิ่มขึ้น 22% และคนไร้บ้านที่อาศัยในรถยนต์มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 380%
เดบบีย์ สตราวด์ และเดนิส เนลสัน รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการณ์ของสตาร์บัคส์ ระบุในจดหมายที่ส่งถึงพนักงานเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า พนักงานในร้านจะเป็นคนที่พบเห็นปัญหาต่างๆ ในพื้นที่โดยตรง ตั้งแต่ปัญหาความปลอดภัยที่เป็นกรณีส่วนบุคคล การเหยียดผิว การที่คนเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุข วิกฤตด้านสุขภาพจิตที่เพิ่มมากขึ้น การใช้ยาเสพติดที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงปัญหาต่างๆ และการที่สตาร์บัคส์มีสาขาหลายพันแห่งทั่วประเทศ ก็ทำให้บางครั้ง สาขาต่างๆ ได้รับผลกระทบเหล่านี้มาด้วย
สตราวด์และเนลสัน ระบุ ด้วยว่า บริษัทอ่านทุกรายงานที่แต่ละสาขาแจ้งเข้ามา ซึ่งมีการรายงานเข้ามาเป็นจำนวนมากเสียด้วย ดังนั้น เพื่อให้พนักงานที่ทำงานตามสาขาร้านรู้สึกปลอดภัย บริษัทจึงเตรียมจัดคอร์สฝึกอบรมต่างๆ ซึ่งรวมถึงคอร์สอบรมการรับมือ "กรณีเกิดเหตุกราดยิง" นอกจากนี้ ยังให้พนักงานเข้าถึงเรื่องการดูแลสุขภาพจิต การยุติการตั้งครรภ์ การชี้แจงความชัดเจนเรื่องการทำงานเป็นกะและนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
ที่สำคัญ บริษัทยังเปลี่ยนแปลงนโยบายบางเรื่อง เช่น "การเข้าห้องน้ำในร้าน" ซึ่งอาจพิจารณาปิดไม่ให้ใช้ในบางสาขาตามที่เห็นสมควร หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สตาร์บัคส์เคยถูกวิจารณ์อย่างหนักรื่องการไม่ให้ชายผิวสีใช้ห้องน้ำในร้าน เมื่อปี 2018 จนบริษัทต้องเปลี่ยนกฎครั้งใหญ่มาแล้ว
อย่างไรก็ดี นอกจากปัญหาความปลอดภัยที่บริษัทอ้างถึงแล้ว ในอีกด้านหนึ่ง อาณาจักรสตาร์บัคส์เองก็กำลังมีความคุกรุ่นในเรื่องการจัดตั้งสหภาพแรงงานด้วย โดยปัจจุบัน มีสาขาที่ขอจัดตั้งสหภาพแล้ว 133 แห่ง กับพนักงานรายชั่วโมงมากกว่า 3,400 คน ซึ่งสื่อบางสำนักรายงานว่า การปิดสาขาบางแห่งยังอาจเกี่ยวข้องกับความพยายามระงับการจัดตั้งสหภาพแรงงานด้วย