ธุรกิจยุคนี้ โดยเฉพาะธุรกิจรูปแบบ Family Business เริ่มมีการพัฒนาจากรุ่นสู่รุ่น เมื่อหมดยุคคุณปู่ คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่ มาสู่รุ่นลูก รุ่นหลาน นั้น แนวความคิดในการทำธุรกิจในยุคนี้เป็นอย่างไร
SPOTLIGHT จะพามารู้จักกับ ธุรกิจครอบครัว ในมุมมองของผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น
พบกับทายาท ธุรกิจของ ส.ขอนแก่น ถือเป็น GEN 2 ที่มีแนวความคิดจะพาอาหารไทยไปสู่ตลาดโลก และทายาท GEN 3 ในธุรกิจ “เซียงเพียวอิ๊ว” มีมุมมองในการบริหารงานในรูปแบบ Family Business ยุคนี้กันอย่างไร
คุณจรัสภล รุจิราโสภณ, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจต่างประเทศ บมจ. ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ (SORKON) จะมีอายุครบ 40 ปีในปีหน้านั้น โดย ส.ขอนแก่น ฟู้ดส์ มีธุรกิจฟาร์มสุกร มีการแปรรูปอาหารทะเล มีธุรกิจร้านอาหาร
2 มุมมองส่งต่อจากรุ่น คือ การนำของดีจากจังหวัดขอนแก่นมาขายกรุงเทพฯ ทำให้คนกรุงเทพเข้าถึงในมาตรฐานใหม่ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าถึงง่าย ทั้งกรุงเทพฯ และทั่วประเทศไทย ณ วันนี้สามารถนำไปจำหน่ายในยุโรป และทั่วโลก
‘ Next Step อยากเป็นส่วนหนึ่งของอาหารไทย วัฒนธรรมไทย ไปยังระดับโลกบ้าง’
‘Principles อะไร คือ ถูกหรือไม่ เราต้องมั่นใจว่า คุณภาพจริงๆ’
ส.ขอนแก่น ย่อมาจาก ส. คือ สินค้า ขอนแก่น คือ จังหวัดขอนแก่น กล่าวคือ สินค้าจากขอนแก่น
มองว่า ยุคนี้ถือว่า หมดสมัยแล้วที่ธุรกิจจะเป็น one man show
เพราะฉะนั้น เรื่องของการการบริหารคนจะเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ ทำอย่างไรจะให้คนพร้อมที่จะอยู่กับบริษัทเราจริง ๆ และเราก็พร้อมที่จะดึงคนเก่งๆ จากหลายที่ๆ เข้ามาร่วมงาน ซึ่งต้องเป็นคนที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ นำพาธุรกิจเติบโตไปด้วยกัน
โดยเป้าหมายของ ส.ขอนแก่น คือ นำพาอาหารไทยไปสู่ตลาดโลก ด้วยคุณภาพของสินค้า
Challenge ของ ส.ขอนแก่น ยุคพ่อแม่ ประสบความสำเร็จ ทำธุรกิจมา 10 ปีเข้าตลาดหลักทรัพย์เลย โดยวัฒนธรรมการช่วยเหลือกัน เหมือนสตาร์จอัพทุกวันนี้ พอประสบความสำเร็จมีการแบ่งงาน มีลักษณะการทำงานที่แบ่งงานชัดเจน ทำให้การทำงานช้าลง มีความหนืดในการตัดสินใจ
ช่วงแรกเจอเรื่องของคน หมดสมัยละที่จะ one man show ได้ เพราะการทำธุรกิจมันซับซ้อนมาก สภาพการแข่งขันเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้น เรื่องคนเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะ คือ หัวใจของความสำเร็จ ต้องวางแผนการผ่าตัดเรื่องนี้ ทำอย่างไรให้ธุรกิจเดินต่อไปได้
โดยใช้วิธีการแบ่งคนเป็นสีแดง เหลือง เขียว คือ
สีแดง คือ คนเป็นพิษ สร้างวัฒนธรรมที่ดีในองค์กร performance ไม่ได้
สีเหลือง คือ ทุกคนที่ทำงานทำให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้ เป็นคนที่มีประสบการณ์ อยู่ที่นี่มานาน รู้ที่นี่ทำงานอย่างไร performance พอไปได้
สีเขียว คือ คนที่พร้อมทำงานตอนนี้ และพร้อมจะเดินหน้าต่อไปในอนาคตด้วยจุดมุ่งหมายในองค์กรเดียวกัน
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องทำอันดับแรก คือ เปลี่ยนคนที่เป็นสีเหลืองรอบตัวเราให้เป็นสีเขียวหมด
วิธีการทำงาน การตัดสินใจอะไรสักอย่าง ใช้ข้อมูลมาดูกันและต้องทำบนพื้นฐานความถูกต้อง ไม่ใช่การถูกใจ ไม่ใช้ emotional ใช้ professional
คุณมีนา อัครพงศ์พิศักดิ์, Assistant Vice President (Marketing) of Bertram (1958) เจ้าของยาดมเซียวเพียวอี๊ว ที่มีอายุราว 65 ปี ถือเป็นทายาท GEN 3 มีแบรนด์ล่าสุด คือ สบายอารมณ์ เป็นน้ำมันหอมระเหย มีครีมทามือ กลิ่นแบบไทยๆ ผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้ที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตคุณดีขึ้น
“ vision คือ อยากนำแบรนด์ไทยไปสู่เวทีโลก ให้คนประเทศอื่นๆ ได้เห็นว่า คนไทยมีศักยภาพทำแบรนด์ โปรดักส์ออกมาดี ใส่ใจในคุณภาพผลิตภัณฑ์ มีมาตรฐานรับรอง และใส่ใจในคน พอส่งต่อมาเรื่อยๆ เป็นดีเอ็นเอ คือ มุ่งสู่สังคมที่ดีร่วมกัน”
‘เราจะทำอะไรต้องคิดถึงคนอื่นเสมอ ถ้ามันดีสำหรับเรา ก็ดีสำหรับเขา แต่ถ้าไม่ดีสำหรับเรา ก็ไม่ดีสำหรับเขาด้วยเช่นกัน’
โดยมีความตั้งใจนำผลิตภัณฑ์ และแบรนด์ไทย สู่ชาวโลก product ซึ่งต้องมีความใส่ใจในคุณภาพผลิตภัณฑ์ ใส่ใจลูกค้า ตลอดจนพนักงานบริษัท
“เราไม่ได้คิดถึงตัวเองคนเดียว ไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินอย่างเดียว แต่เราคิดถึงคนอื่นด้วย”
“คุณแม่กะคุณป้าอยากให้ลูกหลานมาทำธุรกิจ บริษัทยาหม่อง ยาดม ดูไม่เซ็กซี่เลย ไม่มีใครอยากมาทำ สิ่งที่คุณแม่ทำ คือเรื่องของ emplyee engagement และเรื่องของ workplaces จึงได้สร้างจตึกใหม่ขึ้นมา เป็นออฟฟิศเปิด มีกระจกเข้ามาเยอะๆ มีพื้นที่ไม่ได้คนมาทำเป็นล็อคๆ พนักงานมีศักยภาพการทำงานผ่อนคลาย สบายใจ สามารถแชร์อะไรกันได้ จะทำให้ไอเดียเพิ่มขึ้น”
พอ GEN 3 อีกช่วง คือ ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ทุกอย่างเร่งรัดขายสินค้าออนไลน์เร็วขึ้น
Family Business มีข้อดี คือให้ความสำคัญกับความเป็นทีมงาน และสนับสนุนแนวคิด Wellbeing ส่งเสริมให้พนักงานทำงานได้ประสิทธิภาพสูงสุดโ ดยมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย ไม่ใช่ทำงานตลอดเวลา พนักงานต้องมีเวลาพักผ่อน