ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่มีมูลค่ากว่า 20,500 ล้านบาทในปี 2565 ที่ผ่านมาและเจ้าตลาดอันดับ 1 ได้แก่ M-150 กินสัดส่วนราว 49% ยังคงเดินหน้าอัดแคมเปญการตลาดอย่างหนักล่าสุดคว้า 5 ซุปเปอร์สตาร์เมืองไทยมาเป็นพรีเซ็นเตอร์
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลัง M-150 ปล่อยไอเดียเด็ดกับ โปรเจกต์ M-150 รุ่น Superstar ครั้งแรก! กับขวดลายซุปเปอร์สตาร์สุดลิมิเต็ด นำพรีเซนเตอร์สุดฮอตทั้ง 5 คน คือ อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน บอดี้ สแลม) กรรชัย กำเนิดพลอย (หนุ่ม กรรชัย) ผดุง ทรงแสง (แจ๊ส JSPKK) บัวขาว บัญชาเมฆ และ ลำไย ไหทองคำ
คุณกุนทินี เมฆานนท์ชัย ผู้อำนวยการสายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มให้พลังงาน บริษัท โอสถสภา จํากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “นอกจาก M-150 จะเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังอันดับหนึ่งที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนานแล้ว เรายังไม่หยุดยั้งที่จะสร้างสรรค์ไอเดียทางการตลาด เพื่อชนะใจกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ M-150 ทั้งรุ่นเก๋าและรุ่นใหม่ผ่านแคมเปญการตลาดใหม่ๆทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์”
นอกจากนี้ยังจัดหนักส่งท้ายปีกับแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ ที่ทุ่มทุนกว่า 25 ล้านบาท กับ แคมเปญ “ฝาเอ็มแจกเป็นล้าน” เพียงดื่ม M-150 ก็มีสิทธิ์ลุ้นขวดพรีเซนเตอร์ทองคำทุกเดือน ซึ่งผู้บริโภคสามารถร่วมสนุกด้ทั้งวิธีการหย่อนฝา ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ หรือกรอกรหัสใต้ฝาแล้วส่งมาที่ไลน์ “แต้มเอ็ม” (@M150) ได้ตั้งแต่ 1 กันยายน 2566 – 14 ธันวาคม 2566 ตามล่าขวด M-150 ลายพรีเซนเตอร์ทั้ง 5 ได้ที่ร้านค้าทั่วไทย
ทั้งนี้หลังสถานการณ์โควิด 19 คลี่คลายกลุ่มสินค้าอย่างเครื่องดื่มชูกำลังกลับมาฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดโดยในปี 2565 ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังอยู่ที่ 20,500 ล้านบาท หรือเติบโต 9% จากปีก่อนหน้านี้ ซึ่งเอ็ม-150 มีส่วนแบ่งทางการตลาด 49% จากเดิมที่มีราว ๆ 55%
นอกเหนือจากแคมเปญการตลาดแล้ว การใช้กลยุทธ์ premiumize เข้าสู่ตลาดเป็นวิธีหนึ่งเพื่อผลักดันการเติบโตของมูลค่าตลาดในระยะยาว โดยตลาดของเอ็ม-150 ปัจจุบันตลาดรวม แบ่งเป็นสินค้าราคา 12-15 บาท มีสัดส่วน 47.5% และสินค้าราคา 10 บาท เท่ากับ 51.6%
ส่วนข้อมูลของ ฝ่ายวิจัยธุรกิจธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ประเมินว่า ภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังในช่วงปี 2565 คาดว่าจะมีปริมาณการจำหน่ายทั้งสิ้น 286.8 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 2.8%YoY ผลจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดของภาครัฐทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะการกลับมาทำงานของแรงงานในภาคก่อสร้างและภาคการผลิตที่เป็นผู้บริโภคหลักของเครื่องดื่มชูกำลัง
เมื่อพิจารณาในด้านส่วนแบ่งตลาดพบว่า M-150 มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดคิดของปริมาณการจำหน่ายทั้งหมด รองลงมาคือ คาราบาวแดง 31.0% และ กระทิงแดง 13.5% อันดับ 4 คือ Ready อันดับ 5 คือ Shark นอกจากตลาดในประเเทศแล้ว ประเทศไทยยังส่งออกเครื่องดื่มชูกำลังไปต่างประเทศด้วย โดยมูลค่าการส่งออกในปี 2565 อยู่ที่ 69.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดสำคัญคือ เวียดนาม คิดเป็นสัดส่วน 50.2% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด รองลงมา คือ กัมพูชา 20.5% และเมียนมาร์ 12.7%
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก
ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์
ประชาชาติ