ธุรกิจการตลาด

Tesla ลดต้นทุน ดันกำไรพุ่ง! ผลประกอบการ Q3 แม้สวนทางยอดขาย

24 ต.ค. 67
Tesla ลดต้นทุน ดันกำไรพุ่ง! ผลประกอบการ Q3 แม้สวนทางยอดขาย

ในโลกที่การแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทวีความรุนแรงขึ้น Tesla ยังคงยืนหยัดและสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ ด้วยการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ที่เหนือความคาดหมาย แม้ยอดขายรถยนต์จะไม่หวือหวา แต่ Tesla กลับสามารถทำกำไรได้อย่างงดงาม ด้วยกลยุทธ์การลดต้นทุน และการสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ๆ บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จของ Tesla วิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนผลประกอบการ พร้อมทั้งมองไปยังอนาคตของ Tesla ในฐานะผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

Tesla ลดต้นทุน ดันกำไรพุ่ง! ผลประกอบการ Q3 แม้สวนทางยอดขาย

Tesla ลดต้นทุน ดันกำไรพุ่ง! ผลประกอบการ Q3 แม้สวนทางยอดขาย

Tesla สร้างความประหลาดใจให้แก่วงการด้วยการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แสดงถึงการเติบโตของกำไรอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ราคาหุ้นที่เคยปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้กลับมาพุ่งสูงขึ้นในการซื้อขายหลังปิดตลาด

แม้ว่ายอดขายรถยนต์จะเพิ่มขึ้นเพียง 6% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการเติบโตที่เคยสูงถึง 50% ต่อปีในอดีต และต่ำกว่าเป้าหมายการเติบโตที่ 20% - 30% ซึ่ง Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ได้เคยกล่าวไว้ในการประชุมนักลงทุน ทว่า Tesla ประสบความสำเร็จในการเพิ่มผลกำไรด้วยกลยุทธ์การลดต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยรายงานระบุว่า ต้นทุนการผลิตรถยนต์ต่อคันลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 35,100 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นการลดลง 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ความสำเร็จในการลดต้นทุนการผลิตดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ Tesla ริเริ่มนโยบายการแข่งขันด้านราคาในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศจีน ก่อนหน้านี้ ราคาหุ้น Tesla (TSLA) ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับแผนการพัฒนา Robotaxi ซึ่งบริษัทไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนในงานประชุม อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประกาศผลประกอบการ ราคาหุ้นกลับพุ่งสูงขึ้นถึง 9% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 Tesla ทำกำไรได้ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 72 เซนต์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 59 เซนต์ต่อหุ้น

Tesla โกยรายได้จากช่องทางใหม่ แม้ยอดขายรถยนต์จะไม่หวือหวา

Tesla ลดต้นทุน ดันกำไรพุ่ง! ผลประกอบการ Q3 แม้สวนทางยอดขาย

Tesla ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 โดยรายได้รวมเติบโตขึ้น ทว่ารายได้หลักมิได้มาจากธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ ซึ่งขยายตัวเพียง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เป็นผลมาจากรายได้จากการขาย "เครดิตการกำกับดูแล" ที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 185 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 33%

"เครดิตการกำกับดูแล" คือ สิทธิ์ที่ Tesla ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า สามารถจำหน่ายให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ ที่ยังคงจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการปล่อยมลพิษได้ อย่างไรก็ดี รายได้จากการขายเครดิตดังกล่าวปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2

นอกจากนี้ Tesla ยังมีรายได้จากการจำหน่ายเซลล์แสงอาทิตย์ แบตเตอรี่ และผลิตภัณฑ์พลังงานอื่นๆ เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดเกือบสองเท่า คิดเป็นมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในส่วนของแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ รวมถึงรถยนต์ในกลุ่มราคาประหยัด Tesla ยืนยันว่ายังคงดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 อย่างไรก็ตาม Tesla เป็นที่ทราบกันดีว่า บริษัทมักจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้เองในการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ได้ตามกำหนด

สำหรับ Cybertruck รถกระบะไฟฟ้าดีไซน์ล้ำสมัย Tesla เปิดเผยว่าสามารถทำกำไรได้เป็นครั้งแรก แม้ว่าจะประสบปัญหาและการเรียกคืนรถยนต์หลายครั้ง รวมถึงการเรียกคืนรถกระบะ Cybertruck จำนวน 27,000 คัน ในสหรัฐอเมริกา เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหากล้องมองหลัง ซึ่งนับเป็นการเรียกคืนครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เริ่มการผลิตเมื่อปีที่แล้ว

Tesla เดินตามรอย Apple? ครองแชมป์กระแสเงินสด แม้ผลิตรถยนต์น้อยรุ่นแต่โกยกำไรเหนือชั้น

Tesla ลดต้นทุน ดันกำไรพุ่ง! ผลประกอบการ Q3 แม้สวนทางยอดขาย

Tesla ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำในด้านยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่มีกระแสเงินสด (Cash flow) สูงสุดในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยในไตรมาส 3 ของปี 2024 Tesla มีกระแสเงินสดมากกว่า 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 90,450 ล้านบาท

ความสำเร็จของ Tesla ในครั้งนี้ ชวนให้นึกถึงกลยุทธ์ของ Apple ที่เน้นการสร้างผลิตภัณฑ์จำนวนจำกัด แต่ละรุ่นล้วนได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน และทำกำไรได้อย่างมหาศาล Tesla เองก็ดูเหมือนจะใช้กลยุทธ์เดียวกัน โดยมุ่งเน้นการผลิตรถยนต์เพียงไม่กี่รุ่น แต่แต่ละรุ่นล้วนเป็นที่ต้องการของตลาด และสร้างผลกำไรให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ "น้อยแต่ได้มาก" นี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันให้ Tesla ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และครองความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

Tesla บรรลุเป้าหมายสำคัญ ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทะลุ 7 ล้านคัน

Tesla ลดต้นทุน ดันกำไรพุ่ง! ผลประกอบการ Q3 แม้สวนทางยอดขาย

Tesla ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคันที่ 7 ล้าน ตอกย้ำบทบาทผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ จากจุดเริ่มต้นในปี 2008 Tesla ใช้เวลา 16 ปี ในการผลิตรถยนต์ครบ 1 ล้านคันแรก อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถเร่งกำลังการผลิตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยใช้เวลาเพียง 4 ปี ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มอีก 6 ล้านคัน สะท้อนถึงศักยภาพของ Tesla ในการขยายฐานการผลิต และตอบสนองต่อความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก

ล่าสุด Tesla ได้ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 พร้อมกับเปิดเผยว่า บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคันที่ 7 ล้าน ได้สำเร็จเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ โรงงาน Fremont ในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าโรงงาน Fremont จะเป็นแหล่งผลิตหลักในช่วงแรก แต่ปัจจุบันโรงงาน Gigafactory Shanghai ในประเทศจีน ได้กลายเป็นกำลังสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของ Tesla โดยโรงงานแห่งนี้ เพิ่งบรรลุเป้าหมายสำคัญ 2 ประการ ได้แก่ การผลิตรถยนต์ครบ 3 ล้านคัน ในเดือนตุลาคม และการส่งออกรถยนต์ครบ 1 ล้านคัน ในเดือนกันยายน

การเติบโตของ Tesla ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทผลิตรถยนต์คันที่ 4 ล้าน ในเดือนมีนาคม 2023 และคันที่ 5 ล้าน ในเดือนกันยายน 2023 แม้ว่าในปี 2024 ยอดส่งมอบรถยนต์ของ Tesla จะทรงตัว แต่การที่บริษัทเดียวสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและส่งมอบสู่ท้องถนนได้ถึง 7 ล้านคัน ก็นับเป็นความสำเร็จที่โดดเด่น และยังไม่มีผู้ผลิตรายใดสามารถเทียบเคียงได้ในปัจจุบัน

Tesla กับอนาคตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า มองไกลกว่าผลประกอบการไตรมาส 3

Tesla ลดต้นทุน ดันกำไรพุ่ง! ผลประกอบการ Q3 แม้สวนทางยอดขาย

ผลประกอบการไตรมาส 3 ของ Tesla แม้จะสร้างความประหลาดใจด้วยกำไรที่เติบโตสวนทางกับยอดขายที่ทรงตัว แต่เบื้องหลังตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์เชิงรุกที่ Tesla กำลังดำเนินการเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด การลดต้นทุนการผลิต การแสวงหารายได้จากช่องทางใหม่ๆ และการขยายกำลังการผลิต ล้วนเป็นแผนการที่ Tesla วางไว้เพื่อรับมือกับความท้าทาย และคว้าโอกาสในอนาคต

ลดต้นทุน หัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จ

  • การลดต้นทุนการผลิตต่อคันลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร แต่ยังเป็นการวางรากฐานสู่การแข่งขันด้านราคา ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีผู้เล่นใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแข่งขันจากผู้ผลิตรถยนต์จีนที่กำลังรุกตลาดโลก กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Tesla สามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น โดยไม่กระทบต่อผลกำไร

มองหารายได้จากช่องทางใหม่ ไม่หยุดนิ่งอยู่กับธุรกิจเดิม

  • แม้ยอดขายรถยนต์จะเติบโตเพียงเล็กน้อย แต่ Tesla ไม่ได้นิ่งนอนใจ บริษัทมองหาโอกาสในการสร้างรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การขายเครดิตการกำกับดูแล และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลังงาน เช่น เซลล์แสงอาทิตย์ และแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง การกระจายความเสี่ยง และการสร้างแหล่งรายได้ใหม่ๆ เป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ช่วยลดการพึ่งพารายได้จากการขายรถยนต์เพียงอย่างเดียว และเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาว

ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 7 ล้านคัน บทพิสูจน์ความสำเร็จ

  • การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าครบ 7 ล้านคัน เป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ และเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของ Tesla ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า Tesla ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์ แต่เป็นอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ และ Tesla คือ ผู้นำที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้า

ความท้าทายและโอกาสในอนาคต

อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่ความสำเร็จไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ Tesla ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น

  • การแข่งขันที่รุนแรง: ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ต่างพัฒนา และเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง Tesla จำเป็นต้องรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และราคา
  • ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน: การขาดแคลนชิ้นส่วน และวัตถุดิบ อาจส่งผลกระทบต่อการผลิต และการส่งมอบรถยนต์
  • ความผันผวนทางเศรษฐกิจ: ภาวะเศรษฐกิจโลก และอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค

ในขณะเดียวกัน Tesla ก็มีโอกาสที่จะเติบโต และขยายธุรกิจ เช่น

  • การขยายตลาด: Tesla สามารถขยายตลาดไปยังประเทศ และภูมิภาคใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง
  • การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่: Tesla สามารถพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น แบตเตอรี่ ระบบขับขี่อัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อสร้างความแตกต่าง และเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์
  • การสร้างระบบนิเวศ: Tesla สามารถสร้างระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้า ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การจำหน่าย การชาร์จ ไปจนถึงการบริการหลังการขาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

บทสรุป Tesla เป็นมากกว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทคือ ผู้บุกเบิก และผู้นำในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ การเดินทางของ Tesla ยังคงดำเนินต่อไป พร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรม และเทคโนโลยี เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน การติดตามความเคลื่อนไหวของ Tesla จึงเป็นเสมือนการมองเห็นภาพอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเทคโนโลยีพลังงาน

อ้างอิง cnn และ electrek

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT