นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภครายใหญ่ กล่าวว่า จากผลกระทบสถานการณ์สงครามรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อมากว่า 3 เดือน ได้ส่งผลทำให้ราคาวัตถุดิบ และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งเกิดผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจ
“โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าบะหมี่สำเร็จรูป จากแป้งสาลี น้ำมันปาล์มขึ้นหมด ถ้าไม่ขยับราคา บริษัทก็อยู่ไม่ได้ แต่การขึ้นราคา ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ผู้บริโภคยอมรับได้ ซึ่งอยู่ระหว่างรออนุญาตจากกรมการค้าภายใน เพราะผู้ประกอบการแบกต้นทุนไม่ไหว ซึ่งตอนนี้ต่างประเทศ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ขึ้นหมดแล้ว สำหรับ บะหมี่สำเร็จรูปจะขึ้นเท่าไหร่นั้น ต้องดูอีกที โดยพิจารณาจากต้นทุนวัตถุดิบ เพราะตอนนี้ราคาวัตถุดิบยังไม่นิ่ง”
ขณะเดียวกัน วิกฤตครั้งนี้รุนแรงกว่าเมื่อ 26 ปีที่แล้วที่เจอวิกฤตต้มยำกุ้ง เพราะครั้งนี้เป็นผลกระทบในวงกว้าง เมื่อต้นทุนทุกอย่างขึ้น สินค้าก็ต้องขึ้นราคา และยังมีผงซักฟอก ที่จะต้องปรับราคาขึ้น ซึ่งต้องคุยกับกระทรวงพาณิชย์ว่าจะปรับขึ้นได้เท่าไหร่ รวมถึงสินค้าอีกหลายรายการที่ต้นทุนปรับขึ้น โดยถ้าเป็นสินค้าควบคุมต้องขอกระทรวงพาณิชย์ในการปรับราคาสินค้า
พร้อมกันนี้ หากภาครัฐควบคุมการขึ้นราคาสินค้าเป็นระยะเวลานาน มีโอกาสที่สินค้าจะขาดตลาด เพราะผู้ผลิตอาจลดกำลังการผลิตลงหรือชะลอการผลิต ทำให้เกิดการกักตุนสินค้าและท้ายที่สุดก็ขาดตลาด แต่หากปล่อยให้ทยอยปรับขึ้นก็จะไม่เกิดปัญหาขึ้น ซึ่งขณะนี้สหพัฒน์ได้จองและสต๊อกสินค้าให้เพียงพอต่อกระบวนการผลิต
“สิ่งที่ยังเป็นห่วง คือเรื่องอัตราเงินเฟ้อ และสงครามยูเครน รัสเซีย จะจบได้เร็วหรือช้า ทั่วโลกต้องคอยรับมือจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีใด อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังดีกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย เพราะไทยส่งออกอาหาร จึงเป็นโอกาสที่ดี ในขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคไทยฟื้นเร็วว่าประเทศอื่น คนไทยปรับตัวได้ดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ” นายบุณยสิทธิ์ กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
1."มาม่า" ยังขายราคา(ปลีก)เดิม พาณิชย์ สั่งตรึงราคา เป็นสินค้าควบคุมต้องขออนุญาต
2."มาม่า" ขึ้นราคาครั้งแรกรอบ 15 ปี อั้นไม่อยู่หลังต้นทุนผลิตพุ่ง คาดเริ่มมีผลต้น พ.ค. นี้