กระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าในไทยยังแรง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าปี 2566 เป็นอีกปีที่ดีสำหรับตลาดรถ BEV ในไทยคาดมีโอกาสแตะระดับ 50,000 คัน เติบโตก้าวกระโดด 271.6% จากความต้องการรถยนต์ BEV ที่ยังอยู่ในระดับสูง จากมาตรการกระตุ้นด้านราคาจากภาครัฐ และการเร่งกระจายจุดชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพื่อความเชื่อมั่นในการใช้งาน
พร้อมมีสัญญาณบวกจากสถานการณ์การขาดแคลนชิบในการผลิตรถยนต์ที่เริ่มคลี่คลายขึ้น ทำให้การส่งมอบรถยนต์ดีขึ้น ค่ายรถต่างๆ ส่งสัญญาณบุกตลาดในไทยมากขึ้น ทั้งจากจีน ตะวันตก ญีปุ่น และเกาหลี และยอดขายรถยนต์ BEV ในจีนตกลงมาก ทำให้จีนมีโอกาสส่งออกมาตลาดในไทยมากขึ้น หลังรัฐบาลกลางจีนไม่ต่ออายุมาตรการให้เงินอุดหนุนในการซื้อรถยนต์ BEV
เพราะฉะนั้น แนวโน้มการแข่งขันของตลาดรถยนต์ BEV ในไทย มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น จากจำนวนผู้เล่นในตลาดที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากคาดว่าจะยังมีค่ายรถในจีนอีกหลายแบรนด์อาจมีแผนรุกตลาดในไทย รวมถึงค่ายรถญี่ปุ่น ค่ายเกาหลี และตะวันตกที่จะร่วมเข้ามาลุยตลาดนี้ด้วย
สถานการณ์ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า BEV ในไทยปี 2566 ส่องประกายสดใส ซึ่งจะส่องแสงมายังบริษัทผู้ผลิต EV Charger อย่าง บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGE
SHARGE เป็นผู้ให้บริการ EV Charging Solution แบบครบวงจรทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ เพื่อรองรับ Lifestyle Charging Ecosystem ทั้ง Night, Day, On-the-go เติบโตมาจากการเป็นสตาร์ทอัพ
มีบริษัทขนาดใหญ่เข้าร่วมลงทุนเป็นผู้ถือหุ้น อาทิ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP และบริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด ทั้งยังร่วมกับบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM) ในเครือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนบริษัท เอ็นคอม ชาร์จ ยูทิลิตี เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ ENCOM SHARGE ดำเนินธุรกิจให้บริการติดตั้ง EV Charger ตามที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมในพื้นที่ต่างจังหวัดทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
ปัจจุบัน SHARGE ให้บริการธุรกิจแก่ลูกค้าใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.Charger Sales & Installation ขายและติดตั้งเครื่องชาร์จให้แก่เจ้าของบ้านจัดสรร บ้านส่วนตัว 2.Charging as a Service ขายพลังงานไฟฟ้าสำหรับชาร์จรถยนต์ EV ตามจุดให้บริการสาธารณะต่างๆ หรือตามอาคารที่มีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก เช่น คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล 3.Custom Corporate & Fleet Solution ขายพลังงานไฟฟ้าให้แก่องค์กรเอกชนและผู้ให้บริการยานพาหนะจำนวนมาก
นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ SHARGE กล่าวว่า “ความต้องการด้าน EV Charger ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2565 มียอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) อยู่ที่ 20,816 คัน หรือเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 260% จากปีก่อนหน้า”
ขณะที่ปี 2566 คาดว่า ประเทศไทยจะมียอดขายรถ BEV ทะลุ 100,000 คัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้บริษัทสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ให้บริการ EV Charger ครบวงจร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ (No.1 Lifestyle EV Charging Operator) ได้ และช่วยให้มีโอกาสสร้างรายได้เติบโตขึ้น 7 เท่าจากปีก่อนหน้า
บริษัทจึงเดินหน้าแผน “Every Charging Journey” เชื่อมต่อทุกการเดินทางของผู้ใช้รถ EV เพื่อช่วยลดต้นทุนพลังงานของผู้บริโภค และยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้าน EV Charger ให้แข็งแกร่ง สร้างความยั่งยืนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมให้กับประเทศไทย
ภายใต้แผน “Every Charging Journey” บริษัทจะดำเนินการผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
- Every Route สร้างความมั่นใจในทุกเส้นทาง ตั้งเป้าหมายติดตั้งจุดชาร์จสะสมถึง 40,000 หัวชาร์จภายในสิ้นปี 2566 เพื่อให้ครอบคลุมการเดินทางตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านไปจนถึงการเดินทางไปยังต่างจังหวัด สร้างความมั่นใจในทุกการขับขี่ พร้อมทั้งสามารถเข้าถึงหัวชาร์จความเร็วสูง (Fast Charger) ขนาด 120-360 kW สะสมทั้งหมด 130 สถานี ซึ่งเครื่องชาร์จขนาด 360 kW ถือเป็นเครื่องชาร์จความเร็วที่สูงที่สุดในโลกขณะนี้ เพื่อยกระดับบริการด้าน EV Charger ให้ครบวงจร ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานครอบคลุมทั่วประเทศทุกช่วงเวลา
พร้อมกันนี้ บริษัทยังขยายการให้บริการข้ามพรมแดนไปยังประเทศมาเลเซียเป็นครั้งแรก โดยร่วมกับเชลล์และปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิกในการติดตั้งและให้บริการสถานี “Shell Recharge” สถานีชาร์จยานยนต์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง (HPC) ขนาด 180 kW และเดินหน้าพัฒนาแอปพลิเคชัน SHARGE ด้วยหลากฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง ทั้งการค้นหาอัจฉริยะสามารถโชว์จุดชาร์จ EV ตามประเภทหัวชาร์จที่ต้องการ ระบบจองการใช้งานล่วงหน้าได้ 24 ชั่วโมง พร้อมระบบคำนวณเวลาและพลังงานที่ช่วยผู้ใช้งานวางแผนการชาร์จ EV ได้อย่างง่ายดาย
- Every Necessity ตอบโจทย์ทุกระดับความจำเป็นของผู้ใช้งาน ประเมินความสำคัญและความเร่งด่วนในการติดตั้งของสถานที่แต่ละประเภท พร้อมเร่งบุกเป็นพันธมิตรกับกลุ่มสถานที่ที่มีความจำเป็นต้องมี EV Charger ทันที ณ ปี 2566 (Must Have Location) เพื่อให้กลุ่มสถานที่เหล่านั้นพร้อมรองรับกลุ่มผู้ใช้รถ EV เช่น กลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ กลุ่มอาคารขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ที่บริษัทยังคงยืนหยัดเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาด EV Charger ในที่อยู่อาศัย
ทั้งนี้ SHARGE ยังเป็นผู้ให้บริการ EV Charger รายเดียวในไทยที่ผนึกกำลังกับ PEA ENCOM ในเครือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จัดตั้งบริษัทร่วมทุน ENCOM SHARGE เพื่อพลิกโฉมระบบนิเวศ EV ประเทศไทย ทำให้บริษัทมีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการติดตั้ง EV Charger อย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รองรับทุกไลฟ์สไตล์การเดินทางของผู้ใช้รถ EV ทั่วประเทศ รวมทั้งขยายจำนวนหัวชาร์จภายใต้ความดูแลของ SHARGE ได้ตามเป้าหมาย
“จากกระแสความนิยมรถ EV ทำให้การขยายสถานีบริการ EV Charger ตามอาคารและสถานที่ต่างๆ ให้มากที่สุดเป็นภารกิจที่สำคัญในขณะนี้ ซึ่งที่ผ่านมา SHARGE ได้นำโนว์ฮาวและทีมงานมืออาชีพมาช่วยขยายจำนวนสถานีชาร์จ EV ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงร่วมกับพันธมิตรองค์กรธุรกิจต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เรามี EV Charging Network ที่แข็งแกร่งมากที่สุดรายหนึ่งในตลาด” นายพีระภัทรกล่าว
- Every Lifestyle รองรับทุกไลฟ์สไตล์การชาร์จของผู้ใช้งานทั้ง 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย NIGHT กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จที่บ้านในช่วงกลางคืน มีสัดส่วนอยู่ที่ 70% ของผู้ใช้งานทั้งหมด และคาดว่าจะมีหัวชาร์จเพิ่มเติมในปีนี้อีกราว 31,000 จุด เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานในกลุ่มนี้ DAY กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จระหว่างวัน เน้นการชาร์จที่จุดหมายปลายทาง เช่น ศูนย์การค้า แหล่งไลฟ์สไตล์ อาคารสำนักงาน มีสัดส่วนอยู่ที่ 15% พร้อมรองรับด้วยจำนวนหัวชาร์จเพิ่มเติมในปีนี้อีกราว 1,000 จุด และ ON-THE-GO กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จตามสถานีบริการระหว่างเดินทางข้ามจังหวัด หรือสถานที่อื่นๆ มีสัดส่วนที่ 15% จากผู้ใช้งานทั้งหมด รองรับบริการครอบคลุมทุกเส้นทางด้วยหัวชาร์จสะสมมากกว่า 520 จุด
รวมทั้ง บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ อาทิ แสนสิริ, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, พฤกษา ผู้ให้บริการพลังงาน เช่น PEA ENCOM ในเครือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, เชลล์ (Shell), บางจาก ผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ เช่น อาวดี้ (Audi), เบนซ์ (Benz), ปอร์เช่ (Porsche), เรเว่ ออโตโมทีฟ (Rêver Automotive) ตัวแทนจำหน่ายและผู้ให้บริการหลังการขายของบีวายดี (BYD) และกลุ่มผู้มียานพาหนะให้บริการจำนวนมาก (Fleet Operator) เช่น เรือด่วนเจ้าพระยา รวมถึงบริษัทโลจิสติกส์ บริษัทที่ให้บริการด้านการขนส่งคนและสิ่งของ เพื่อเพิ่มจำนวนจุดชาร์จให้ครอบคลุมและเพียงพอสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ ปัจจุบัน บริษัทยังคงเปิดกว้างในการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กร ตลอดจนเจ้าของพื้นที่ (Location Owner) ทุกประเภททุกเซ็กเตอร์ เพื่อขยายการติดตั้งและให้บริการ EV Charger ในสถานที่และพื้นที่ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม SHARGE ยังเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรมีสิทธิพิเศษให้แก่ผู้ใช้งาน ในรูปแบบ Lifestyle & Privilege Programs ทั้งโปรแกรมสะสมคะแนนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ สะสมคะแนน Shell GO+ เมื่อใช้บริการในสถานี Shell Recharge พร้อมรับส่วนลดพิเศษ เอกสิทธิ์เฉพาะลูกค้า Shell-Porsche, สะสมหรือแลกเปลี่ยนคะแนนสำหรับสมาชิก The1 และสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ สำหรับสมาชิกร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ระบบ Plug-and-Charge ร่วมกับค่ายพันธมิตรรถยนต์ มอบเครดิตการชาร์จแบบเอ็กคลูซีฟให้แก่ลูกค้าใหม่ของพันธมิตรผ่านการผูกบัญชีไว้กับเลขตัวถังรถ เพียงเสียบชาร์จรถ EV ที่ผูกเลขตัวถังรถไว้กับหัวชาร์จของ SHARGE ระบบจะดำเนินการชาร์จและตัดเครดิตการชาร์จให้อัตโนมัติ ลดเวลาและขั้นตอน เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน โดยปัจจุบัน พัฒนาระบบและสิทธิพิเศษดังกล่าวให้แก่ปอร์เช่เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบและสิทธิพิเศษให้แก่ทาง BYD
SHARGE พร้อมเดินหน้าแผน Every Charging Journey จะทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่ง สามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ให้บริการ EV Charger ครบวงจร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ (No.1 Lifestyle EV Charging Operator) ช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึง EV Charger ได้อย่างทั่วถึง ลดการเกิดมลภาวะที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการสร้างการเติบโตให้กับบริษัท โดยคาดว่าปี 2568 บริษัทจะมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 10 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2565
เมื่อเห็นแผนการของ SHARGE แบบนี้แล้ว ยิ่งช่วยทำให้ผู้บริโภคที่กำลังลังเลที่จะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า BEV คงจะกล้าตัดสินใจ หรือตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะบริการ EV Charge ขณะนี้ย่อมมีส่วนอย่างมากในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BEV ในอนาคตอันใกล้เราคงเห็นรถยนต์ไฟฟ้า BEV วิ่งในท้องถนนเพิ่มขึ้น