สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐ (NRF) เปิดเผยผลการคาดการณ์ทางธุรกิจล่าสุดว่า คาดว่าวันเลนไทน์ 2022 นี้ ชาวอเมริกันจะใช้จ่ายกันถึง 2.39 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 7.8 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 2.18 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้วาเลนไทน์ปีนี้มีการใช้จ่ายสูงสุดทุบสถิติใหม่เป็นอันดับ 2 หรือเป็นรองเพียงแค่วันวาเลนไทน์ปี 2020 เท่านั้น
โดยเฉลี่ยแล้ว ชาวอเมริกันจะใช้จ่ายต่อคนในวันวาเลนไทน์ที่คนละ 175.41 ดอลลาร์/คน (ประมาณ 5,720 บาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ 164.76 ดอลลาร์/คน (ประมาณ 5,370 บาท) หรือแพงขึ้นประมาณ 400 บาท
การอั้นมาจากปีที่แล้วที่สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก ทำให้ชาวอเมริกันพร้อมที่จะเปย์ซื้อของขวัญและสร้างประสบการณ์ให้คนรักในปีนี้มากขึ้นแทน
โดยพบว่า 5 ของขวัญซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดในปีนี้ ยังคงเป็นกลุ่มของขวัญหน้าเดิม นำโดย ช็อกโกแลตและขนม 56% ตามมาด้วยการให้การ์ด 40% การมอบดอกไม้ 37% การพาไปทานอาหารค่ำนอกบ้าน 31% และการให้เครื่องประดับ 22% แต่ในเชิงของมูลค่าการใช้จ่ายนั้นจะเป็นในเชิงผกผัน เพราะกลุ่มเครื่องประดับจะมีเม็ดเงินใช้จ่ายมากที่สุดถึง 6,200 ล้านดอลลาร์ (หรือกว่า 2 แสนล้านบาท)
นอกจากการให้ของขวัญเป็นสิ่งของแล้ว การสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจด้วยดินเนอร์มื้อโรแมนติก ก็มีอัตราเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยปีนี้เว็บไซต์จองร้านอาหารในสหรัฐที่ชื่อว่า OpenTable มียอดจองดินเนอร์เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่คาดว่าเม็ดเงินจากดินเนอร์ทั้งหมดในวันวาเลนไทน์จะสูงถึง 4,300 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.4 แสนล้านบาท)
อย่างไรก็ดี เป็นที่รู้กันว่าปัจจุบันชาวอเมริกันกำลังเผชิญภาวะ "เงินเฟ้อ" อย่างหนัก ตัวเลขล่าสุดเดือน ม.ค. พุ่งไปถึง 7.5% อยู่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี นั่นจึงทำให้ชาวอเมริกันที่หาซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์ปีนี้ต้องพึ่ง "ตัวช่วย" ที่จะทำให้หาซื้อของขวัญได้ถูกลงด้วย ผลสำรวจโดย Numerator พบว่าชาวอเมริกัน 43% จะพยายามมองหาโปรโมชั่นพิเศษหรือคูปองส่วนลด ขณะที่อีก 32% จะหาร้านใหม่ที่ถูกกว่า อละอีก 24% จะซื้อของในปริมาณที่น้อยลง เช่น ดอกไม้ช่อเล็กลง หรือช็อกโกแล็ตในไซส์กระจุ๋มกระจิ๋มลง