ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจดุเดือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงค้าปลีก การปรับตัวและการนำกลยุทธ์ที่เฉียบคมมาใช้ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ล่าสุด บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ด้วยตัวเลขที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นรายได้รวมที่พุ่งทะลุ 1.08 แสนล้านบาท หรือ กำไรสุทธิที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 28.4% สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งของธุรกิจ
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จของเซเว่นฯ พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาที่เพิ่มขึ้น กลยุทธ์การขยายสาขา การรุกตลาดออนไลน์ และการมุ่งสู่การเป็นผู้นำค้าปลีกในยุคดิจิทัล เพื่อให้เห็นภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ และแนวโน้มการเติบโตของเซเว่นฯ ในอนาคต
เซเว่นฯ เผยยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาแตะ 81,781 บาทต่อวัน เดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง ทะลุ 15,000 สาขา รายได้รวมแตะ 1.08 แสนล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 28.4% โดยล่าสุดทาง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ผู้บริหารเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศไทย กัมพูชา และ สปป.ลาว เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ประจำปี 2567 ด้วยผลการดำเนินงานที่โดดเด่น บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 107,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 4,467 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 28.4%
หัวข้อ | รายละเอียด |
รายได้จากการขายสินค้าและบริการ | 107,850 ล้านบาท (+8.8% จากช่วงเดียวกันของปี 2566) |
กำไรสุทธิ | 4,467 ล้านบาท (+28.4% จากช่วงเดียวกันของปี 2566) |
จำนวนสาขา ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 | 15,053 สาขา (+199 สาขาในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567) |
สัดส่วนรายได้ | - สินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 51% - สินค้าอุปโภค 49% |
ประเภทสาขา | - สาขาของบริษัทเอง 51% - ร้าน Store Business Partner และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 49% |
สถานที่ตั้ง | - แบบ Stand Alone 76% - แบบที่ตั้งอยู่ตามสถานีบริการน้ำมัน ปตท. 24% |
สาขาในต่างประเทศ | - กัมพูชา 98 สาขา - ลาว 9 สาขา |
ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาต่อวัน | 81,781 บาท |
ยอดซื้อเฉลี่ยต่อบิล | 84 บาท |
จำนวนลูกค้าเฉลี่ยต่อสาขาต่อวัน | 964 คน |
7-Delivery และ All Online | มีสัดส่วนประมาณ 11% ของรายได้จากการขายสินค้ารวม |
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนผลประกอบการให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง คือ ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาต่อวันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 เซเว่นฯ มีจำนวนสาขารวมทั้งสิ้น 15,053 สาขา (เฉพาะในประเทศไทย) เพิ่มขึ้น 199 สาขา จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีสัดส่วนสาขาที่บริษัทบริหารเอง 51% และเป็นร้านค้าภายใต้รูปแบบ Store Business Partner และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 49% สำหรับยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาต่อวันอยู่ที่ 81,781 บาท โดยมียอดซื้อเฉลี่ยต่อใบเสร็จ 84 บาท และจำนวนลูกค้าเฉลี่ย 964 คนต่อวัน
สัดส่วนรายได้หลักของเซเว่นฯ ยังคงมาจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม คิดเป็น 76% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคมีสัดส่วน 24% ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันที่นิยมเลือกซื้ออาหารและเครื่องดื่มจากร้านสะดวกซื้อเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาช่องทางออนไลน์ผ่าน 7-Delivery และ All Online ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 11% ของรายได้จากการขายสินค้ารวม สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายและรวดเร็ว
เซเว่นฯ ยังคงดำเนินกลยุทธ์การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อครอบคลุมพื้นที่ให้บริการทั่วประเทศ โดยเน้นการขยายสาขาแบบ Stand Alone ซึ่งคิดเป็น 86% ของจำนวนสาขาทั้งหมด ขณะที่สาขาที่ตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. มีสัดส่วน 14% รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีสาขาในกัมพูชา 98 สาขา และ สปป.ลาว 9 สาขา
ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการของลูกค้า การพัฒนาสินค้าและบริการ การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในช่องทางออนไลน์ ทำให้เซเว่นฯ ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกยุคดิจิทัล และพร้อมที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL นับว่ามีความโดดเด่น สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความมั่นคงในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกของประเทศไทย บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการปรับตัวและดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อตอบสนองต่อพลวัตทางเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง
การเติบโตของยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาต่อวันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการขยายเครือข่ายสาขาครอบคลุมพื้นที่ให้บริการทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบ Stand Alone และสาขาที่ตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ผลประกอบการของ CPALL มีความแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ กลยุทธ์การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในกัมพูชาและสปป.ลาว ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างโอกาสในการเติบโต และกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยิ่ง CPALL ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาช่องทางออนไลน์ผ่าน 7-Delivery และ All Online เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคดิจิทัล ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม CPALL ยังคงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ อาทิ สภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ตลอดจนต้นทุนการดำเนินงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งบริษัทฯ จำเป็นต้องกำหนดนโยบายและวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกและขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
อนาคตของเซเว่นฯ
ผู้นำค้าปลีกอัจฉริยะ: เซเว่นฯ มีศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำค้าปลีกอัจฉริยะ (Smart Retail) โดยนำเทคโนโลยี เช่น AI, Big Data, และ IoT มาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
การขยายธุรกิจในต่างประเทศ: การขยายสาขาไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา และ สปป.ลาว เป็นโอกาสในการสร้างการเติบโต และขยายฐานลูกค้าในระดับภูมิภาค
ความยั่งยืน: เซเว่นฯ มุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
โดยสรุป ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ของ CPALL มีความน่าพอใจอย่างยิ่ง สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการขององค์กร ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน และด้วยปัจจัยสนับสนุน และกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง เชื่อมั่นว่า เซเว่นฯ จะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีก และเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมก้าวสู่การเป็น “ร้านค้าแห่งความสุขทุกยุคทุกสมัย” ตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้
ที่มา : ข้อมูลอ้างอิงจากคำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ประจำปี สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)